adsen

วันพฤหัสบดีที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2566

หมอพิษชั้นหนึ่ง ตอนที่ 10 ทำให้พวกนางตกใจเสียหน่อย

 ตอนที่ 10 ทำให้พวกนางตกใจเสียหน่อย

เสียงประตูดังขึ้น ผู้คนนอกเรือนที่รอคอยอยู่นานเห็นแม่นมชราโผล่ศีรษะออกมาจากในห้องจึงรีบพากันห้อมล้อมเข้าไป ทว่ากลับไม่เห็นร่างของหลิ่วอวิ๋นซู พวกนางไม่ทราบว่าอวิ๋นซูถูกแม่นมพาออกไปที่ประตูอีกบานหนึ่งแล้ว

เดิมทีเหลยซื่อต้องการเชิญแม่นมไปยังเรือนของตน เพื่อสอบถามสิ่งที่ฮูหยินผู้เฒ่าพูดคุยกับคุณหนูหก ไหนเลยจะรู้ว่านางกลับมีท่าทางรีบร้อน

“ฮูหยินเจ้าคะ ฮูหยินผู้เฒ่าให้บ่าวไปเชิญช่างตัดเสื้อหลายท่านมาตัดชุดให้คุณหนูหกเจ้าค่ะ”

“ตัดชุดหรือ? เหตุใดจึงกะทันหันนัก…”

ก่อนแม่นมออกมาฮูหยินผู้เฒ่าได้กำชับไว้เป็นพิเศษ ไม่ให้กล่าวอะไรกับคนข้างนอกเหล่านั้นให้มากความ พวกนางอยากจะคาดเดาอะไรก็ปล่อยให้คาดเดากันไป ดังนั้นแม่นมจึงปิดปากเงียบสนิท กล่าวเพียงว่าฮูหยินผู้เฒ่าเห็นใจคุณหนูหกเท่านั้น

เหลยซื่อย่อมไม่พอใจกับคำตอบเช่นนี้ นางมักจะรู้สึกว่าเรื่องราวไม่เป็นดังเช่นที่ตนคิด ฮูหยินผู้เฒ่าทำเช่นนี้ราวกับว่านางเป็นคนนอก ย่อมไม่สบอารมณ์อยู่ในใจ หันมองบุตรีของตนสายตาเจือแววลึกล้ำอยู่หลายส่วน “อวิ๋นฮว๋า ไปดูแลน้องหกของเจ้าเสียหน่อยเถิด ไม่รู้ว่าถูกฮูหยินผู้เฒ่าตำหนิหรือไม่”

กลัวเสียหน้าหรืออย่างไร เห็นได้ชัดว่าได้รับการชมเชย ทว่าเมื่อออกจากปากเหลยซื่อกลับกลายเป็นการถูกตำหนิ หลิ่วอวิ๋นฮว๋าเข้าใจความหมายของมารดา นางต้องการให้ตนไปเลียบๆ เคียงๆ ถามน้องหกเสียหน่อยว่าท่านย่ากล่าวอะไรกับนางกันแน่

“ท่านพี่ ให้พวกเราไปกับท่านเถิดเจ้าคะ” คุณหนูทั้งสามตามหลังมา พวกนางไม่ได้มีความรู้สึกดีกับพี่น้องที่ถูกรับกลับจวนผู้นี้มากนัก เพียงรู้สึกอยากรู้อยากเห็นเท่านั้น

“ได้” หลิ่วอวิ๋นฮว๋ายิ้ม นางไม่ค่อยอยากไปเรือนของตัวโชคร้ายผู้นั้นอยู่พอดี มีเหล่าน้องสาวไปเป็นเพื่อนทำให้นางมีความกล้ามากขึ้น

เขตเรือนของหลิ่วอวิ๋นซูอยู่ในมุมที่ห่างไกลที่สุด กระทั่งดวงอาทิตย์ยังมิอาจสาดส่องแสงเข้าไปได้ ด้วยเหตุนี้เมื่อเข้าไปในเขตเรือนจึงทำให้รู้สึกถึงความอึมครึมและหนาวเหน็บ

หิมะบนพื้นเริ่มละลาย คุณหนูทั้งหลายที่ถูกเลี้ยงดูมาอย่างดีกระชับเสื้อนอกของตนแล้วเยี่ยมศีรษะไปด้านใน “น้องหก?” คาดไม่ถึงว่าจะยังมีเสียงตอบกลับมาเบาๆ

หลิ่วอวิ๋นเหยาคุณหนูเจ็ดที่นิสัยขลาดเขลาหดคอลง “พี่สี่เจ้าคะ ข้าเคยได้ยินมาว่าเมื่อก่อนภายในเขตเรือนแห่งนี้มีสาวใช้ตายไปไม่น้อยเลยทีเดียว”

คุณหนูเจ็ดและคุณหนูสี่ล้วนเป็นบุตรีที่เกิดจากอนุรอง ทว่านิสัยของทั้งสองกลับต่างกันมาก

“เรือนใดไม่เคยมีสาวใช้ตายบ้างเล่า อย่ากลัวไปเลย” หลิ่วอวิ๋นหลี่มีนิสัยค่อนข้างสุขุม เพียงแต่นางเองก็เคยได้ยินมารดากล่าวว่า เหล่าข้ารับใช้ในจวนลือกันอย่างลับๆ ว่าบริเวณเขตเรือนแห่งนี้มีภูตผี ดังนั้นฮูหยินจึงจัดให้หลิ่วอวิ๋นซูพักที่นี่เพื่อใช้ดวงของนางกดข่มวิญญาณชั่วร้าย

หลิ่วอวิ๋นเหยาพึมพำกับตนเอง “หากรู้เช่นนี้คงพาน้องแปดกับน้องเก้ามาด้วยแล้ว” มีเด็กผู้ชายสองคนอาจทำให้สบายใจขึ้นบ้าง

หลิ่วอวิ๋นชิงคุณหนูห้าพลันชำเลืองมองนาง คุณชายแปดและคุณชายเก้าล้วนเป็นบุตรที่เกิดจากอนุสี่เช่นเดียวกับนาง คำพูดของหลิ่วอวิ๋นเหยาทำให้นางไม่พอใจอยู่บ้าง

หลิ่วอวิ๋นหลี่รีบจับอวิ๋นเหยา ทำท่าทางให้น้องสาวร่วมมารดาหยุดพูดจามั่วซั่ว

“คุณหนูเจ้าคะ เป็นพวกคุณหนูรองเจ้าค่ะ!”

อวี้เอ๋อร์ที่อยู่ในตัวเรือนได้ยินเสียงของหลิ่วอวิ๋นฮว๋าแล้ว ส่วนอวิ๋นซูกำลังจัดการกับเข็มเงินในห่อผ้าของตน สำหรับนาง พี่สาวน้องสาวทั้งหลายยังเยาว์นัก นางที่ผ่านประสบการณ์มาสองชีวิตย่อมไม่กังวลว่าพวกเขาจะมาหาเรื่อง ขอแค่น้ำบ่อไม่ยุ่งน้ำคลอง [1] ชีวิตจิตใจของนางก็จะจดจ่ออยู่กับสิ่งที่มีประโยชน์เท่านั้น

“ทำให้พวกนางตกใจเสียหน่อยแล้วกัน”

คุณหนูถึงกับบอกให้ทำพวกนางตกใจ…อวี้เอ๋อร์คิดว่านี่เป็นโอกาสอันดีงามที่จะสานสัมพันธ์กับคุณหนูเหล่านั้นนั้นเสียอีก! แต่เมื่อคุณหนูกล่าวเช่นนั้นนางย่อมต้องทำตาม

เสียงประตูดังขึ้น การปรากฏตัวของอวี้เอ๋อร์ทำให้หลิ่วอวิ๋นฮว๋าโล่งใจ

“นั่นผู้ใด มานี่”

อวี้เอ๋อร์เดินตามคำเรียก ทว่าสีหน้ากลับไม่ค่อยน่าดูนัก

“คุณหนูหกเล่า?”

“คุณหนูหกนาง…พวกเรา…คือ…” ท่าทางกระอึกกระอักทำให้ผู้อื่นทนไม่ไหวยิ่งนัก หลิ่วอวิ๋นฮว๋าขมวดคิ้วบางเบา อวี้เอ๋อร์ราวกับกำลังลังเล สุดท้ายจึงรวบรวมความกล้า “คุณหนูไม่สบายตั้งแต่เมื่อวานแล้วเจ้าค่ะ เมื่อคืนก็ยังเห็น…เห็นสิ่งที่ไม่ควรเห็น บ่าวเองก็ได้เห็นเช่นกัน มัน…ช่างน่ากลัวเหลือเกินเจ้าค่ะ!”

อะไรนะ?!

หลิ่วอวิ๋นเหยาจับมือของหลิ่วอวิ๋นหลี่โดยพลัน “พี่สี่เจ้าคะ พวกเรากลับกันเถิด เรือนนี้ไม่สะอาดเอาเสียเลย!”

“เจ้าบอกว่า เจ้าเองก็เห็น?”

อวี้เอ๋อร์พยักหน้าอย่างหวาดกลัว ท่าทางเช่นนี้ดูไม่คล้ายกับกำลังเสแสร้ง ความจริงเมื่อสักครู่อวิ๋นซูกำชับนางมาว่า หากเสแสร้งไม่ออกจริงๆ ให้นึกถึงสภาพที่ชุ่ยเอ๋อร์ถูกจับตัวไป เช่นนั้นย่อมเกิดความกลัวแน่นอน

หลิ่วอวิ๋นชิงมองอลิ่วอวิ๋นฮว๋าครู่หนึ่ง “ท่านพี่เจ้าคะ มารดากำชับให้ท่านมาดูแลน้องหก เช่นนั้นพวกข้าขอตัวกลับไปก่อน งานที่ท่านอาจารย์สั่งให้ข้าส่งพรุ่งนี้ยังไม่เสร็จเลยเจ้าค่ะ”

คำพูดนี้เป็นการผลักเรื่องทั้งหมดให้แก่หลิ่วอวิ๋นฮว๋า คุณหนูสี่และคุณหนูเจ็ดเองก็หันกายเดินจากไปพร้อมนางโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย อย่างไรเสียพวกนางก็มากันเอง ไม่ใช่ท่านพี่เรียกให้พวกนางมา จากไปเช่นนี้ก็ไม่นับว่าผิดหลักจรรยา

สายตาของหลิ่วอวิ๋นฮว๋าฉายแววมืดครึ้ม นางสามคนนี่ช่างขลาดเขลาเสียจริง!

ทว่า เมื่อลมหนาวหอบหนึ่งพัดผ่าน ข้างหลังก็ราวกับมีเสียงซ่าๆ ดังแว่วมา ร่างกายของหลิ่วอวิ๋นฮว๋าสั่นสะท้านอย่างยากระงับ รวบรวมความกล้าหันไปช้าๆ ก็พบลูกหนังลูกหนึ่งกระโดดเด้งจากระเบียงด้านหนึ่งเข้าสู่ม่านสายตาของนาง ทันใดนั้นนางพลันสูดลมหายใจเย็นยะเยือก ขาอ่อนแรงจนต้องรีบใช้มือพิงผนัง

อย่างไรเสียท่านย่าไม่มีทางชอบเด็กคนนี้เป็นแน่ ต่อให้ชอบแล้วอย่างไร อย่างไรเสียบุตรีภรรยาเอกแห่งจวนโหวก็มีเพียงนางตลอดกาล

หลิ่วอวิ๋นฮว๋าคิดได้อย่างกระจ่างแจ้งจึงไม่ฝืนตนเองอีกต่อไป รีบออกจากเขตเรือนแห่งนั้นไปอย่างรีบร้อน

“เจ้าบอกว่า ฮูหยินผู้เฒ่าเพียงคุยทักทายทั่วไปกับนางสองสามประโยค แล้วจึงให้คนมาตัดชุดให้นาง?” เหลยซื่อไม่ค่อยเชื่อนัก

“เจ้าค่ะท่านแม่ อย่างไรเสียก็แค่เด็กที่ไม่ได้รับความโปรดปราน มิอาจสร้างคลื่นลมอันใดได้หรอกเจ้าค่ะ”

เกิดความเงียบงันขึ้นครู่หนึ่ง “อวิ๋นฮว๋า เจ้าไม่ได้ไปที่เรือนของนางใช่หรือไม่”

“ข้าไปมาแล้ว จริงๆ นะเจ้าคะ!” หลิ่วอวิ๋นฮว๋าเงยหน้าอย่างตึงเครียด ทว่ากลับไปสบเข้ากับสายตาอันล้ำลึกคู่นั้นของเหลยซื่อเข้าพอดี จึงรีบเบะปากอย่างร้อนตัว

“หรือคิดว่าข้าจะไม่รู้ทันเจ้า? พูดความจริงมา!”

หลิ่วอวิ๋นฮว๋าลังเลชั่วครู่ จึงเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่ออกมา

“เรื่องเล็กน้อยเพียงเท่านี้ เจ้าก็ตกใจเสียแล้ว?!”

“…”

“อวิ๋นฮว๋า ข้าตั้งใจอบรมสั่งสอนเจ้ามานานหลายปี แต่ผลคือเจ้าเรียนรู้ได้แต่เรื่องพวกนี้หรือ?! ในจวนของตนก็ยังหวาดกลัวจนกลายเป็นเช่นนี้ วันหน้าหากเจ้าได้เข้าวัง พบสตรีวังหลังสามพันนาง ไม่เจ้าตายข้าก็รอด ถึงยามนั้นไม่เพียงแต่เจ้าที่จะดับดิ้น แต่ยังเกี่ยวพันถึงจวนโหวอีกด้วย!”

แต่ไหนแต่ไรมารดาไม่เคยสั่งสอนนางอย่างรุนแรงขนาดนี้มาก่อน หลิ่วอวิ๋นฮว๋าตกตะลึง “…เข้าวัง? ท่านแม่ต้องการให้อวิ๋นฮว๋าเข้าวังหรือเจ้าคะ?”

ดวงตาของเหลยยซื่อเปล่งประกาย เดิมทีนางไม่ต้องการบอกกล่าวเรื่องนี้กับบุตรีเร็วไปนัก แต่ก็ดี ตอนนี้พูดไปแล้ว จะได้ทำให้อวิ๋นฮว๋ารู้สึกตัวขึ้นมาบ้าง

“ไม่งั้นเจ้าคิดว่าเหตุใดบิดาของเจ้าจึงรับเจ้าตัวโชคร้ายผู้นั้นกลับมากันเล่า?”

“นี่…เกี่ยวข้องกับนางงั้นหรือ?”

“หรือเจ้าไม่รู้ว่า ชางติ้งโหวตั้งใจจะให้บุตรชายพิกลพิการของเขามาสู่ขอเจ้า?”

**********************

คำอธิบายเพิ่มเติม

[1] น้ำบ่อไม่ยุ่งน้ำคลอง หมายถึง ต่างคนต่างอยู่ ไม่ยุ่งเกี่ยวกัน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น

หมอพิษชั่นหนึ่ง ตอนที่ 33 จับได้คาหนังคาเขา

  ยามเที่ยงวัน รถม้าหรูหราคันหนึ่งจอดอยู่หน้าประตูจวนโหว บุรุษผิวคล้ำคนหนึ่งลงจากรถม้าแล้ววิ่งเข้าไป เขาก้าวยาวๆ ไปตามระเบียง ตลอดทางข้ารั...