เหลยซื่อตกตะลึง เมื่อเงยหน้าขึ้นก็พบกับสายตาพิจารณาของฮูหยินผู้เฒ่า
“ท่านแม่ เมื่อวานเป็นอวิ๋นซูที่ผลักคุณหนูเจ็ดล้ม
ไม่นึกว่านางกลับกล้าโกหกออกไปว่าเป็นอิ๋นฮว๋าที่ลงมือเหี้ยมโหด
เพราะต้องการให้ผู้คนเข้าใจอวิ๋นฮว๋าผิด
ท่านแม่ต้องไม่ฟังความเพียงด้านเดียวนะเจ้าคะ!”
เหลยซื่อดึงแขนเสื้อของหลิ่วอวิ๋นฮว๋าทำให้นางพลันได้สติ
“ท่านย่าเจ้าคะ อวิ๋นฮว๋าไม่คิดเลยว่าน้องหกจะกล่าวเช่นนี้ ทำให้ข้าเสียใจยิ่งนัก”
สองแม่ลูกคู่นี้สะอึกสะอื้น
ท่าทางราวกับถูกกลั่นแกล้ง
เนิ่นนานผ่านไป
ฮูหยินผู้เฒ่าตบที่วางแขนอย่างรุนแรง “ดูท่า
จวนโหวแห่งนี้จะมีเรื่องที่ข้ายังไม่รู้อีกเยอะแยะเลยทีเดียว”
หลิ่วอวิ๋นฮว๋าที่กำลังก้มหน้าอยู่แย้มยิ้มที่มุมปาก
ท่านย่าเกิดโทสะแล้ว นังเด็กสารเลวนั่นโดนดีแน่!
“อวิ๋นฮว๋า
เจ้าบอกว่าเป็นซูเอ๋อร์ที่ใส่ร้ายเจ้าหรือ?”
“เจ้าค่ะท่านย่า”
“แต่น้องหกของเจ้ากล่าวกับข้าว่าคุณหนูเจ็ดล้มลงไปเองโดยไม่ทันได้ระวัง
เป็นเจ้าที่ใช้ร่างกายปกป้องนางไว้ได้ทัน บอกว่าเจ้าทำเรื่องที่ดี”
อะไรนะ?! หลิ่วอวิ๋นฮว๋าตะลึง
มองไปยังสตรีผู้มีใบหน้าสงบนิ่งข้างกายฮูหยินผู้เฒ่าอย่างประหลาดใจ
“พี่รองขอรับ
เหตุใดสิ่งที่ท่านกล่าวจึงไม่เหมือนที่พี่หกกล่าวเลยขอรับ?” คุณชายซียิ้มอย่างไร้เดียงสา
ทว่ารอยยิ้มนี้กลับเสียดแทงสายตาของหลิ่วอวิ๋นฮว๋ายิ่งนัก
เหลยซื่อขมวดคิ้ว
นางมองไปยังดวงตาอันลึกล้ำราวมหาสมุทรของอวิ๋นซู หัวใจประดุจดั่งถูกแช่แข็ง
เหตุใดนังเด็กสารเลวนี่ถึงได้ช่วยอวิ๋นฮว๋าปิดบังความผิด
หรือจะบอกว่านางคาดเดาได้นานแล้วว่าตนจะต้องพาอวิ๋นฮว๋ามาหาฮูหยินผู้เฒ่าที่นี่เพื่อร้องขอความเป็นธรรม?
“อวิ๋นฮว๋า เหตุใดเจ้าจึงไม่รู้จักเข้าอกเข้าใจผู้อื่นเหมือนซูเอ๋อร์เสียบ้าง?” คำกล่าวนี้ของฮูหยินผู้เฒ่าเจือไปด้วยความผิดหวังอย่างไม่คิดปกปิด
ใจของหลิ่วอวิ๋นฮว๋าส่งเสียงดังสนั่น
ความรู้สึกไร้เรี่ยวแรงพลันกระจายไปทั่วร่าง
ยามนี้เอง
พ่อบ้านชรารีบร้อนเข้ามารายงาน “ฮูหยินผู้เฒ่าขอรับ คนของจวนชางติ้งโหวมาแล้วขอรับ!”
เหลยซื่อตกตะลึง
หรือว่าชางติ้งโหวจะมาคิดบัญชี?
เพียงไม่นาน
หีบสีแดงใบใหญ่ก็ถูกหามเข้ามา อวิ๋นซูประคองฮูหยินเฒ่าเดินออกไป
คนที่ชางติ้งโหวส่งมาเป็นข้ารับใช้ผู้หนึ่ง “ฮูหยินผู้เฒ่าขอรับ
ของเหล่านี้เป็นน้ำใจเล็กๆ น้อยๆ ของคุณหนูเจ็ดของพวกเรา
คุณหนูกล่าวว่าต้องการขอบคุณคุณหนูหกที่ช่วยเหลือ
อีกทั้งรอยแผลเป็นบนใบหน้าก็จางลงไปมากแล้ว หวังว่าคุณหนูหกจะไปเล่นที่จวนบ่อยๆ
ขอรับ”
ดวงหน้าของฮูหยินผู้เฒ่าประดับไปด้วยรอยยิ้ม
ไม่คิดเลยว่าซูเอ๋อร์จะมอบความดีความชอบนี้ให้กับพี่สาวของตน ช่างไม่ง่ายเลยจริงๆ
“ขอบคุณคุณหนูเจ็ดมาก ของเหล่านี้…”
อวิ๋นซูแย้มยิ้มมองไปยังข้ารับใช้ผู้นั้น
“ลำบากพี่ชายท่านนี้แล้ว ท่านนำสิ่งของกลับไปเถิด
บอกไปว่าสามารถเป็นสหายกับคุณหนูเจ็ดได้ อวิ๋นซูก็ดีใจแล้วเจ้าค่ะ”
“ฮ่าๆ คุณหนูขอรับ ท่านอย่าได้บอกปัดเลย คุณหนูเจ็ดของพวกเราไม่มีใครขัดใจได้
ของเหล่านี้ขอคุณหนูโปรดรับไว้ มิฉะนั้นผู้น้อยคงมิอาจกลับไปรายงานได้แน่ขอรับ!”
“…เช่นนั้น ขอบคุณคุณหนูเจ็ดมากเจ้าค่ะ”
ฮูหยินผู้เฒ่าส่งสายตา
แม่นมข้างๆ จึงพาข้ารับใช้ผู้นั้นเดินออกไป
และไม่ลืมส่งเงินให้เล็กน้อยเพื่อเป็นสินน้ำใจ
เหลยซื่อมองหีบสีแดงใบใหญ่นั้น
แล้วจ้องมองอวิ๋นซูด้วยสายตาเย็นยะเยือก
ทว่ากลับไปสบเข้ากับสายตาของฮูหยินผู้เฒ่าโดยไม่ตั้งใจ
“จิ่นฮว๋า
เมื่อครู่เจ้ากล่าวว่าซูเอ๋อร์ผลักคุณหนูเจ็ดล้ม? เช่นนั้นของเหล่านี้คุณหนูเจ็ดส่งมาขอบคุณผู้ที่ผลักนางหรือ?”
“…ท่านแม่…”
“อวิ๋นฮว๋า
เจ้ากลับห้องไปหันหน้าเข้ากำแพงพิจารณาตัวเองสักสามวันเถิด หากไม่มีคำสั่งข้า
ไม่อนุญาตให้ผู้ใดส่งอาหารให้คุณหนูรอง ได้ยินแล้วหรือไม่!?”
อะไรนะ?! หันหน้าเข้ากำแพงพิจารณาตัวเองอยู่ในห้องสามวัน
อากาศหนาวเย็นเช่นนี้ นางจะทนไหวได้อย่างไร?! ใบหน้าของหลิ่วอวิ๋นฮว๋าพลันซีดเซียวลงในพริบตา
“จิ่นฮว๋า หากเปิดปากร้องขอความเป็นธรรมอีก
เจ้าก็ไปด้วยกันเสีย”
เหลยซื่อหุบปากอย่างเชื่อฟัง
เพียงแต่หีบใบใหญ่นี้…ต้องทิ้งไว้ให้นังเด็กสารเลวนั่นจริงๆ หรือ
ข้างในอาจจะมีของล้ำค่าอะไรอยู่ก็เป็นได้
“พี่หกขอรับ คราวนี้พวกเราร่ำรวยกันแล้ว!”
คุณชายซีกล่าวอย่างไม่ประสีประสา คำพูดนี้ทำให้อวิ๋นซูและฮูหยินผู้ฒ่าหัวเราะออกมา
“เฉิงซีเอ๋ย เหตุใดจึงร่ำรวยเล่า?”
“ท่านย่าขอรับ เรือนของพี่หกโทรมมากเหลือเกิน
ทั้งอึมครึมน่ากลัว ในหีบใบนั้นจะต้องเป็นของมีค่ามากมาย นำไปซื้อเรือนดีๆ สักเรือนได้พอดีมิใช่หรือขอรับ?”
ฮูหยินผู้เฒ่าชะงัก
นางไตร่ตรองคำพูดของคุณชายซีอยู่ครู่หนึ่ง “อืม เฉิงซีกล่าวได้ถูกต้อง เด็กๆ!”
“เจ้าค่ะ ฮูหยินผู้เฒ่า”
“ไปเก็บกวาดเรือนไผ่เสียหน่อย
วันนี้คุณหนูหกจะย้ายเข้าไปอยู่”
เรือนไผ่? นั่นเป็นเรือนหลังงามซึ่งชางหรงโหวเอาไว้ให้แขกพักมิใช่หรือ!
“เจ้าค่ะ ฮูหยินผู้เฒ่า”
“ดีเหลือเกินขอรับพี่หก
ของพวกนี้ก็ไม่จำเป็นต้องเอาไปขายแล้ว!” คุณชายซียิ้มอย่างเบิกบานยิ่งนัก
ในใจของอวิ๋นซูพลันรู้สึกอบอุ่น เด็กคนนี้ฉลาดเฉลียว
คำพูดเหล่านี้แม้ฟังดูไม่ตั้งใจ แต่นางรู้ดีว่าคำพูดของคุณชายซีได้เข้าไปอยู่ในใจของฮูหยินผู้เฒ่าเรียบร้อยแล้ว
กระทั่งเด็กชายตัวเล็กๆ
คนหนึ่งยังมองสถานการณ์ในจวนโหวของนางออก
เช่นนั้นฮูหยินผู้เฒ่าจำเป็นจะต้องรีบเปลี่ยนแปลง
เพื่อให้ทุกคนได้รู้ว่าตอนนี้คุณหนูหกได้รับความโปรดปราน มิอาจให้ผู้ใดมาประณามได้
…
“เฉิงซี คำพูดของเจ้าเมื่อครู่นี้จะกล้าหาญเกินไปแล้ว!”
อวิ๋นซูลูบจมูกของหลิ่วเฉิงซีเบาๆ อีกฝ่ายสูดลมหายใจอย่างดื้อรั้น
“ที่ไหนกันเล่าขอรับ ข้าพูดความจริง ก็เรือนพี่หกมันโทรมจริงๆ นี่นา”
“…” มือเล็กๆ จับแขนเสื้อของนางแน่น
ในใจของอวิ๋นซูปรากฏความรวดร้าวขึ้นหลายส่วน สายตาที่มองไปยังเฉิงซีอ่อนโยนยิ่งขึ้น
“ขอบคุณอาสะใภ้รองแทนข้าด้วย เครื่องปรุงยาที่นางมอบให้ข้าเหล่านั้นมีประโยชน์มาก”
ก่อนหน้านี้ทรัพย์สินของอวิ๋นซูมีเพียงเครื่องประดับไม่มีค่าไม่กี่ชิ้นและเศษเงินเล็กๆ
ก้อนหนึ่ง หากนางต้องการปรุงยาด้วยตนเอง กำลังทรัพย์แค่นั้นย่อมไม่เพียงพอที่จะซื้ออุปกรณ์ปรุงยา
เป็นอาสะใภ้รองที่สั่งให้คนส่งมาให้อย่างลับๆ นางจึงสามารถทำการค้าที่ร้านยาได้
“คุณชายซีขอรับ ฮูหยินเรียกให้ท่านกลับไปขอรับ”
ในยามนี้ข้ารับใช้บ้านรองเดินเข้ามา
ปากเล็กๆ ของเฉิงซีกระดกขึ้น บ่นพึมพำออกมาหนึ่งประโยค “ยังเล่นไม่พอเลย”
“ไปเถอะ อย่าให้อาสะใภ้รองต้องเป็นกังวล
เข้าใจหรือไม่”
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น