adsen

วันพฤหัสบดีที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2566

หมอพิษชั่นหนึ่ง ตอนที่ 12 การเชื้อเชิญของคุณหนูเจ็ด

 ตอนที่ 12 การเชื้อเชิญของคุณหนูเจ็ด

หลิ่วอวิ๋นฮว๋าขมวดคิ้วน้อยๆ นางมักจะรู้สึกอึดอัดเมื่อยืนอยู่กับตัวโชคร้ายผู้นั้น

“หรือคิดว่าแม่จะให้เด็กคนนั้นแย่งตำแหน่งเจ้าหรืออย่างไร? แม่ย่อมมีแผนการจึงได้หารือกับฮูหยินผู้เฒ่าเช่นนี้”

อะไรกัน ที่แท้นี่คือความคิดของท่านแม่? นางไม่เข้าใจจริงๆ

“พรุ่งนี้ก็ให้เจ้าทำความรู้จักกับผู้คนเสียให้มาก อีกอย่างให้นังเด็กนั่นแสดงตัวให้ผู้คนคุ้นหน้าคุ้นตาเสียหน่อย นางจะต้องแต่งเข้าจวนชางติ้งโหวแทนเจ้า ดังนั้นงานนี้จึงต้องพานางไปด้วย!”

อวิ๋นฮว๋าสูดลมหายใจลึก เหลยซื่อจึงปลอบใจนาง “สวมชุดกระโปรงผ้าไหมลายดอกโบตั๋นสีชมพูที่แม่ให้เจ้าไปเมื่อหลายวันก่อน ได้ยินว่าคุณหนูเจ็ดผู้เป็นดั่งไข่มุกในมือของชางติ้งโหวผู้นั้นเกเรมาก เจ้าก็อยู่ให้ห่างนางเสียหน่อย ปล่อยให้นังเด็กนั่นคลุกอยู่กับน้ำโคลนไปเถิด!”

“อวิ๋นฮว๋าเข้าใจแล้วเจ้าค่ะ” น้ำเสียงนี้เจือไปด้วยความไม่ค่อยเต็มใจนัก

วันต่อมา

รถม้าสองคันจอดรออยู่หน้าจวนโหวอยู่นานแล้ว ทว่าหนึ่งในนั้นหรูหรายิ่งกว่า

หลิ่วอวิ๋นฮว๋าในวันนี้งดงามสดใสน่าประทับใจ เครื่องประดับบนร่างล้วนเลือกสรรแต่ของชั้นยอด ข้างกายติดตามมาด้วยสาวใช้สี่นางที่ได้รับการอบรมมาเป็นอย่างดี ความหรูหราเช่นนี้เป็นสิ่งที่บุตรีภรรยาเอกแห่งจวนโหวสมควรมี

ทางด้านอวิ๋นซูวันนี้กลับสวมใส่กระโปรงปักลายเมฆเรียบๆ ทว่างดงาม บนศีรษะไม่มีเครื่องประดับที่เกินความจำเป็นให้มากมายนัก มีเพียงปิ่นปักผมลายผีเสื้ออันเรียบง่ายประดับอยู่ ดูสุภาพเรียบง่ายทั้งยังถูกต้องตามธรรมเนียม

หลิ่วอวิ๋นฮว๋ามองสตรีที่งดงามผู้นั้นครู่หนึ่ง บนใบหน้าพลันปรากฏรอยยิ้ม จากนั้นจึงขึ้นรถม้าไปด้วยการประคองของสาวใช้

อวี้เอ๋อร์และชุ่ยเอ๋อร์ตามอยู่ข้างกายอวิ๋นซู ในใจของพวกนางตึงเครียดเป็นอย่างมาก นอกจากจวนโหว วันนี้พวกนางยังต้องไปสถานที่อันยิ่งใหญ่เช่นนั้น จึงกังวลว่าตนจะทำสิ่งใดผิดพลาดจนทำให้คุณหนูต้องขายหน้า

รถม้าเคลื่อนตัวเข้าสู่จวนอันหรูหราแห่งหนึ่ง เมื่อก้าวลงจากรถม้า หลิวอวิ๋นฮว๋าก็กลายเป็นจุดสนใจของผู้คน

บุตรีภรรยาเอกแห่งจวนชางหรงโหวช่างดูหรูหรายิ่งใหญ่เสียจริง เห็นได้ว่าท่านโหวให้ความสำคัญกับบุตรีภรรยาเอกผู้นี้ เพียงแต่…

“นั่นเป็นคุณหนูบ้านไหนกัน?”

“ไม่รู้สิ มากับรถม้าของจวนชางหรงโหว”

ไม่ทันไรสายตาของทุกคนก็ตกอยู่กับอวิ๋นซู ความลำพองใจของหลิ่วอวิ๋นฮว๋าพลันถูกแทนที่ด้วยความโกรธ แต่เมื่อคิดดูอีกที นางก็เป็นแค่ตัวตายตัวแทนของตนเท่านั้น ไม่มีค่าอะไรให้ตนต้องรู้สึกโกรธเคือง

หลิ่วอวิ๋นฮว๋านำสาวใช้ทั้งสี่เข้าไปในจวนโดยไม่คิดเรียกอวิ๋นซูให้ตามเข้าไปด้วยกันสักนิด ทว่านี่กลับทำให้นางมีอิสระ สายตาประหลาดใจที่มองมาจากรอบด้านทำให้นางแย้มยิ้มเรียบง่ายบนใบหน้าเท่านั้น สาวใช้ทั้งสองที่อยู่ด้านหลังอดไม่ได้ที่จะตกตะลึง

เห็นคุณหนูสุขุมเยือกเย็นราวคุ้นชินกับสถานการณ์เช่นนี้ กระทั่งท่วงท่ายังแฝงไปด้วยความสูงศักดิ์อย่างเป็นธรรมชาติ ราวกับนางเกิดมาเพื่อเป็นเป้าสายตาของผู้คน ไม่มีความรู้สึกฝืนใจปนอยู่เลยสักนิด

“คุณหนูเจ็ด ช้าหน่อยเจ้าค่ะ!”

เงาร่างอันร่าเริงวิ่งอยู่บนระเบียงทางเดิน เสียงดังกระชั้นของฝีเท้าแว่วมา ดรุณีน้อยนางหนึ่ง กระทั่งชุดกระโปรงสีแดงชาดก็ยังสวมใส่ไม่เรียบร้อยเกาะอยู่ที่ราวระเบียงชั้นบน มองไปยังคุณหนูจำนวนมากในสวนดอกไม้

“หลิ่วอวิ๋นฮว๋าเล่า? เหตุใดข้าไม่เห็น!”

“โธ่ คุณหนูเจ็ดเจ้าคะ เหตุใดจึงได้เรียกชื่อคุณหนูสองของชางหรงโหวตรงๆ เช่นนั้นเจ้าคะ!” แม่นมหลี่อดจะปวดหัวไม่ได้ นางกลัวเสียจริงว่าจะถูกฮูหยินผู้เฒ่าได้ยินเข้า แล้วจะตำหนิว่านางไม่อบรมคคุณหนูเจ็ดให้ดี

เฟิ่งหลิงไม่ได้ฟังว่าแม่นมกำลังพูดอะไร จากมุมของนางสามารถเห็นรถม้าที่จอดอยู่นอกจวนแต่ละคันได้พอดิบพอดี ในที่สุดก็พบรถม้าสองคันของจวนชางหรงโหว จากนั้นจึงกวาดสายตาสำรวจหญิงงามที่มีบ่าวรับใช้สี่คนติดตามเข้ามา “แม่นมดูสิ ใช่นางหรือไม่?”

แม่นมมองไปตามที่ได้ยิน “ใช่เจ้าค่ะ นั่นก็คือคุณหนูสอง หลิ่วอวิ๋นฮว๋า”

“…” ทว่า เฟิ่งหลิงมองสตรีที่สีสันฉูดฉาดไปทั้งร่างผู้นั้น ก็พลันต้องเบะปาก ท่าทางผิดหวังยิ่งนัก “ไม่เหมือนกับที่ข้าคิดไว้เลย ข้าไม่ต้องการให้นางมาเป็นพี่สะใภ้สามของข้า!”

“โธ่ คุณหนู คำเช่นนี้ไม่อาจกล่าวตามใจได้นะเจ้าคะ!”

ทันใดนั้นด้านล่างจวนพลันเกิดเสียงซุบซิบขึ้น ดึงดูดความสนใจของเฟิ่งหลิง “โอ้ แล้วนั่นผู้ใดกัน?”

ร่างงามสง่าเยื้องย่างเข้ามาช้าๆ คำวิพากษ์วิจารณ์ทั้งหลายราวกับวนเวียนอยู่รอบตัวนาง แม่นมขมวดคิ้ว คุณหนูท่านนี้นางไม่เคยพบมาก่อน แต่นั่นไม่สำคัญ ความจริงแล้วงานร้อยบุปผาในครั้งนี้จัดเตรียมขึ้นเพื่อหลิ่วอวิ๋นฮว๋า คุณหนูท่านอื่นเพียงแค่เชิญมาร่วมสนุกเท่านั้น

สาวใช้ทั้งหมดถูกรวมอยู่ที่เขตเรือนอีกแห่งหนึ่ง ส่วนเหล่าคุณหนูได้รับเชิญไปยังที่นั่งที่จัดเตรียมไว้ อาหารรสเลิศหลากหลายถูกทยอยยกมา ล้วนเป็นอาหารที่แปลกตายิ่งนัก สีสันงามวิจิตร ดูแล้วเป็นอาหารที่น่าลิ้มรสเป็นอย่างมาก

ดวงตาของคุณหนูทั้งหลายปรากฏแววประหลาดใจ รอบด้านจัดวางไว้ด้วยดอกไม้ล้ำค่า พริบตาเดียวบรรยากาศก็กลายเป็นดั่งภาพฝัน ในใจของทุกคนพลันแทรกซึมไปด้วยความสุข ทว่าอวิ๋นซูกลับนั่งอยู่ในมุมลึกสุด กวาดสายตาอย่างเรียบเฉยครั้งหนึ่งแล้วจึงเก็บอาการของทุกคนไว้ในสายตา

เรือนชั้นบน

“พี่สาม ท่านอยู่หรือไม่?”

เสียงอันร้อนอกร้อนใจดังมาจากด้านนอก ไม่รอให้มีคนตอบกลับ ขาเล็กๆ ทั้งสองก็ก้าวเข้ามา “พี่สาม หลิงเอ๋อร์ไม่ชอบหลิ่วอวิ๋นฮว๋านั่น!”

“…น้องเจ็ด เจ้าเล่นซนอีกแล้ว!” เสียงอันจนใจดังขึ้น

“โธ่ เหตุใดจึงเป็นพี่สี่ไปได้เล่า!”

เสียงตุบดังขึ้น เฟิ่งฉีม้วนหนังสือเล่มหนึ่งเคาะไปยังศีรษะของเฟิ่งหลิง “พี่สามของเจ้าออกไปแล้ว อย่าก่อเรื่องเล่า วันนี้ไม่ใช่วันงานร้อยบุปผาหรือ? รีบไปเสียสิ!”

“ใช่เจ้าค่ะ วันนี้มีงานร้อยบุปผา เหตุใดพี่สี่ถึงอยู่ที่นี่ได้? อา.. หลิงเอ๋ออ์รู้แล้ว ท่านก็มาชมความครื้นเครงสินะ!” เฟิ่งหลิงทำท่าทางราวกับจะไปฟ้องร้อง เฟิ่งฉีพลันหน้าเปลี่ยนสี “เจ้าเด็กน้อยนี่…”

“ฮ่าๆๆ ไม่เล่นกับท่านแล้ว…” นางวิ่งตัวปลิวไปจนลับตา เฟิ่งฉีถอนใจอย่างจนปัญญา ไม่ชอบหลิ่วอวิ๋นฮว๋า? เช่นนั้นหากนางแต่งเข้ามา แล้วมีเจ้าเด็กเกเรคนนี้อยู่ ชีวิตแต่ละวันของนางคงมิอาจผ่านไปง่ายๆ แน่

บริเวณที่นั่ง เมื่อหลิ่วอวิ๋นฮว๋าได้รับการสั่งสอนชี้แนะจากฮูหยินท่านโหว จึงมีพัฒนาการขึ้นไม่น้อย เพียงไม่นานก็สามารถสนทนากับเหล่าคุณหนูทั้งหลายได้อย่างครื้นเครง

“อวิ๋นฮว๋า คุณหนูผู้นั้นเป็นใครในจวนโหวของพวกเจ้าหรือ? ข้าเห็นนางมากับรถม้าของจวนโหว”

ใบหน้าของหลิ่วอวิ๋นฮว๋าปรากฏรอยยิ้มนิ่งเรียบ “นางคือน้องหกของข้า นางกล่าวว่าแต่ไหนแต่ไรไม่เคยมางานเช่นนี้ จึงขอร้องให้ข้าพานางมา เด็กคนนี้ดื้อรั้นยิ่งนัก ข้าจึงต้องพานางมาด้วยอย่างไม่มีทางเลือก”

ยังนึกไปว่าเป็นผู้สูงศักดิ์เสียอีก ที่แท้ก็เป็นลูกอนุภรรยาของจวนโหวนี่เอง สายตาที่ทุกคนมองอวิ๋นซูพลันเปลี่ยนไป เวลานี้จุดสนใจของผู้คนทั้งหมดรวมอยู่ที่ตัวหลิ่วอวิ๋นฮว๋าโดยสิ้นเชิง

ยามนี้ จดหมายฉบับหนึ่งส่งมอบสู่มือของนาง หลิ่วอวิ๋นฮว๋าเปิดอ่าน ตัวอักษรข้างในตัวเล็กงดงาม ไม่นึกว่าจะเป็นจดหมายที่คุณหนูเจ็ดเฟิ่งหลิงมอบให้นาง

หลิ่วอวิ๋นฮว๋ากวาดตามองไปยังอวิ๋นซูที่ดูราวกับไม่แยแสต่อสิ่งใด ในดวงตาพลันทอประกายวาววับ

น้องหก ไปสวนดอกไม้ด้านหลังกับข้าหน่อยเถิดสตรีชุดชมพูนางนี้ยืนเบื้องหน้าอวิ๋นซู แย้มยิ้มให้อย่างเป็นมิตรยิ่งนัก

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น

หมอพิษชั่นหนึ่ง ตอนที่ 33 จับได้คาหนังคาเขา

  ยามเที่ยงวัน รถม้าหรูหราคันหนึ่งจอดอยู่หน้าประตูจวนโหว บุรุษผิวคล้ำคนหนึ่งลงจากรถม้าแล้ววิ่งเข้าไป เขาก้าวยาวๆ ไปตามระเบียง ตลอดทางข้ารั...