adsen

วันพฤหัสบดีที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2566

หมอพิษชั่นหนึ่ง ตอนที่ 14 อวิ๋นฮว๋าถูกฟ้อง

 ตอนที่ 14 อวิ๋นฮว๋าถูกฟ้อง

“นี่อาจจะทำให้เจ็บเล็กน้อย” เสียงของนางอ่อนโยน การกระทำก็ระมัดระวังยิ่ง เฟิ่งหลิงนั่งให้อวิ๋นซูทายาอย่างเชื่อฟัง ไม่กล้าเคลื่อนไหว

เฟิ่งฉีที่อยู่ด้านหลังประหลาดใจยิ่งนัก เจ้าเด็กคนนี้ก็มีเวลาที่ว่านอนสอนง่ายเช่นนี้ด้วย เขามองอวิ๋นซูอีกครั้ง สตรีผู้นี้เป็นเทพเซียนจากแห่งใดกัน

สัมผัสอันเย็นเยียบแผ่ซ่านบนใบหน้า ความเจ็บปวดที่บาดลึกทุเลาลง ดวงตากลมโตราวจันทราของเฟิ่งหลิงพลันโค้งกลายเป็นจันทร์เสี้ยว “ไม่เจ็บแล้ว ไม่เจ็บเลยสักนิด! โอ๊ย…”

เพราะลำพองใจจึงไม่ระวังทำให้ปากแผลตึงปวดขึ้นอีกครั้ง

“คุณหนูเจ็ดเจ้าคะ บาดแผลนี้หากไม่ดูแลให้ดี ก็จะทิ้งรอยแผลเป็นเอาไว้ ภายในเจ็ดวันห้ามโดนน้ำ และให้ใช้ยารักษาแผลนี้ทาทุกวัน วันละสามครั้ง”

อวิ๋นซูมองเด็กหญิงตัวน้อยที่น่ารักเช่นนี้ก็รู้สึกสะเทือนใจ ดวงตาปรากฏแววอ่อนโยนอย่างมิอาจระงับ เฟิ่งหลิงมองจนตกตะลึง กะพริบตาพยักหน้าหงึกหงัก สตรีที่ช่วยนางเอาไว้ผู้นี้ ช่างงดงามจริงๆ! โดยเฉพาะดวงตาคู่นั้นที่ไม่เหมือนกับดวงตาที่ผู้อื่นมองนาง ทำให้เฟิ่งหลิงเกิดความรู้สึกดีกับหลิ่วอวิ๋นซูได้ในพริบตา

นางคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ จึงดึงสายตากลับมาแล้วหันจ้องไปยังหลิ่วอวิ๋นฮว๋าที่กำลังตกใจอยู่ข้างๆ “เจ้าผลักข้าทำไม?!”

ทุกคนล้วนตกตะลึง เป็นคุณหนูหลิ่วที่ผลักคุณหนูเจ็ดหรอกหรือ?

“คะ…คุณหนูเจ็ด ไม่ใช่ข้า เป็นน้องหก…” เป็นไปไม่ได้ ตอนที่ตนเองผลักอวิ๋นซู นางไม่อาจเห็นได้โดยเด็ดขาด จะอย่างไรคุณหนูเจ็ดก็ไม่ควรเห็นความเคลื่อนไหวของตนแน่

“โกหก เป็นเจ้าที่ผลักข้าชัดๆ! หากไม่ใช่ว่าพี่สาวคนนี้เอาร่างกายเข้าปกป้อง ข้าคงตายไปแล้ว!” เผชิญกับการตำหนิของเฟิ่งหลิง หลิ่วอวิ๋นฮว๋าพูดไม่ออกว่าไม่ยุติธรรม คุณหนูเจ็ดผู้นี้ช่างไร้เหตุผล ชนภูเขาจำลองก็ตายได้หรือ?

คุณหนูทั้งหมดพลันมองไปยังหลิ่วอวิ๋นฮว๋าด้วยความประหลาดใจ หรือเมื่อครู่นางโกหก? ตนเองทำความผิดก็ให้น้องสาวลูกอนุผู้หนึ่งแบกรับไป? คุณหนูเจ็ดคงไม่กล่าวเท็จแน่ ไม่นึกว่านางจะยังสามารถแสดงท่าทางยอมลงโทษญาติมิตรเพื่อรักษาคุณธรรมเช่นนั้นออกมาได้อีก

เสียงกระซิบกระซาบดังแว่วมาจากโดยรอบทำให้หลิ่วอวิ๋นฮว๋าหน้าซีด ยิ่งเป็นต่อหน้าคุณชายรูปงามแห่งจวนชางติ้งโหวด้วยแล้ว นางก็ยิ่งรู้สึกว่าตนเองขายหน้ายิ่งนัก

เฟิ่งฉีแม้จะไม่ทราบว่าสิ่งที่น้องเจ็ดของตนกล่าวเป็นจริงหรือเท็จ แต่ที่นางไม่ชอบหลิ่วอวิ๋นฮว๋าผู้นี้ดูจะเป็นเรื่องจริง

“ข้า…ข้าไม่ได้…” ดวงตาของหลิ่วอวิ๋นฮว๋าพลันแดงก่ำ สิ่งที่นางได้รับไม่ใช่สายตาที่เข้าอกเข้าใจ กลับเป็นสายตาเหยียดหยามและห่างเหินอย่างรวดเร็ว

งานร้อยบุปผาในครั้งนี้จึงสิ้นสุดลงด้วยอาการบาดเจ็บของคุณหนูเจ็ด หลิ่วอวิ๋นฮว๋าไม่เพียงแต่ไม่อาจหามิตรสหายได้ ทั้งยังมีข่าวลือไม่ดีเพิ่มขึ้นอีกด้วย

เฟิ่งหลิงถีบประตูห้องหนังสือให้เปิดออก ท่าทางฮึกเหิมดุจเสือดุจมังกรไม่เหมือนกับว่าได้รับบาดเจ็บมาเลยแม้แต่น้อย เมื่อเห็นบุรุษที่นั่งหันหลังให้ตนอยู่บนเก้าอี้ก็รีบโถมตัวเข้าไป

“พี่สาม”

ใบหน้างดงามเป็นเอกเต็มไปด้วยความจนใจ หันมองดวงหน้าเล็กๆ ตรงหน้า มือของเขาสัมผัสตรงแผลที่เคยยถูกบาดอย่างเบามือ “หลิงเอ๋อร์ เจ้าซุกซนอีกแล้ว”

“เฮอะ ไม่ใช่ข้าซุกซนเสียหน่อย! เป็นหลิ่วอวิ๋นฮว๋าที่ชั่วร้ายต่างหากเล่า!” เฟิ่งหลิงต้องการให้พี่สามของตนทราบว่าพี่สะใภ้ในอนาคตผู้นั้นไม่ใช่คนดีอะไรเลย

เด็กน้อยคนนี้ ที่แท้ก็มาฟ้องนี่เอง ไม่นึกว่ายารักษาแผลนั้นจะมีประสิทธิภาพเช่นนี้ เมื่อมองไปยังรอยสีชมพูจางๆ บนใบหน้า คุณชายสามเฟิ่งหลิง [1] ก็พลันนึกไปถึงดวงหน้าเล็กๆ อันงดงาม

“หากเจ้าไม่นำไส้เดือนไปแกล้งนาง นางจะตื่นตกใจจนเสียกิริยาได้อย่างไร?”

“ไส้เดือนมีอะไรน่ากลัวกัน เฮอะ คนนิสัยไม่ดีชอบเอะอะโวยวาย!” คุณหนูเจ็ดเฟิ่งหลิงเชิดปากขึ้นสูง มือคู่หนึ่งยื่นเข้ามาหยิกใบหน้าเล็กๆ ของนางจากด้านหลัง หน้าตาอันหล่อเหลาของเฟิ่งฉีมืดครึ้มลง “ยัยเด็กเกเรคนนี้ ไปคิดมาให้ดีเถิดว่าจะอธิบายกับท่านพ่ออย่างไร! เจ้าบอกจะสร้างสัมพันธ์ที่ดีกับหลิ่วอวิ๋นฮว๋าผู้นั้น แต่กลับทำให้ตนเองมีรอยแผลเป็นเสียได้”

“พี่สาม! พี่สี่แกล้งข้าอีกแล้ว! ไม่เหลือรอยแผลเป็นหรอกน่า พี่สาวซูกล่าวว่าเพียงเจ็ดวันก็จะดีขึ้นแล้ว! ข้าก็อยู่ในเรือนเจ็ดวัน ท่านพ่อต้องไม่รู้แน่!”

พี่สาวซู? นางสนิทสนมกันหรือ

“ออกไปๆ อย่ารบกวนเวลาพักผ่อนของพี่สามเจ้าเลย!” เฟิ่งฉีถูลู่ถูกังพาปีศาจน้อยออกไปจากห้องหนังสือ เสียงเอะอะภายนอกมลายหายไปในไม่ช้า บุรุษที่นั่งอยู่บนเก้าอี้จึงค่อยถอนใจออกมาเบาๆ

จากนั้น คุณชายสี่ก็กลับมาอีกครั้ง “พี่สาม คู่หมั้นของท่าน ก็ดูไม่เท่าไรจริงๆ อย่างที่น้องเจ็ดว่า”

คุณชายเฟิ่งหลิงทำเพียงยิ้มบาง ไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ

“ใช่แล้วพี่สาม ท่านรู้จักคุณหนูหกหรือ? มิเช่นนั้นเหตุใดจึงมียารักษาแผลที่นางปรุงเองกับมือเล่า?” นึกถึงบุตรีอนุภรรยาที่ไม่แยแสสิ่งใดผู้นั้น เฟิ่งฉีก็รู้สึกปลงตก เป็นคุณหนูแห่งจวนชางหรงโหวเช่นเดียวกันแท้ๆ เหตุใดจึงได้แตกต่างกันมากมายเช่นนี้

คุณชายเฟิ่งหลิงมองไปยังทะเลสาบที่ในยามนี้นิ่งสงบหาที่เปรียบ มุมปากพลันยกเป็นวงโค้งน้อยๆ “เคยพบกันครั้งหนึ่ง”

ภายในจวนชางหรงโหว

“เจ้าว่าอะไรนะ ใบหน้าของคุณหนูเจ็ดได้รับบาดเจ็บ?!” เหลยซื่อไม่กล้าเชื่อหูของตน “แม่เตือนเจ้าแล้วมิใช่หรือว่าให้อยู่ให้ห่างคุณหนูเจ็ดก้าวร้าวนั่น เหตุใดเจ้าจึงไม่ฟัง?”

“นางนัดหมายอวิ๋นฮว๋าให้ไปที่สวนดอกไม้ด้านหลังเจ้าค่ะ อวิ๋นฮว๋าไม่ทราบว่านางจะนำไส้เดือนมาแกล้ง…”

เหลยซื่อรู้สึกว่าหน้าอกราวกับถูกหินก้อนยักษ์กดทับเอาไว้ “งามหน้าแล้วจริงๆ เรื่องที่เจ้าผลักคุณหนูเจ็ดลือออกไปแล้ว ชื่อเสียงของเจ้ามิใช่ว่าแปดเปื้อนไปแล้วหรือ?! แต่นังลูกอนุนั่นกลับช่วยคุณหนูเจ็ด ความดีทั้งหมดล้วนเป็นของนางทั้งสิ้น เจ้าเล่า? ตอนนี้เจ้ากลายเป็นลูกมะระขมๆ ที่ผู้คนลิ้มรสแล้วต้องเบือนหน้าหนี!”

“ท่านแม่ ล้วนเป็นเพราะนังหญิงสารเลวผู้นั้น คุณหนูเจ็ดมองไม่เห็นการกระทำของข้าชัดๆ ไม่รู้ว่านังหญิงสารเลวนั้นกล่าวอะไร คุณหนูเจ็ดถึงได้เชื่อ”

สีหน้าของเหลยซื่อเย็นยะเยือกลง หลิ่วอวิ๋นฮว๋าจึงรีบหุบปาก นางทราบดีว่ามารดาของตนมีโทสะจริงๆ เสียแล้ว ในใจรู้สึกเกลียดชังอวิ๋นซูมากขึ้นเป็นเท่าทวี เป็นตัวโชคร้ายเสียจริง ไปที่ไหนก็มีแต่ปัญหา!

“ท่านแม่เจ้าคะ” จู่ๆ เหลยซื่อก็ยืนขึ้น หลิ่วอวิ๋นฮว๋าอดไม่ได้ที่จะส่งเสียงเรียกออกไป

“ยังไม่รีบไปหาท่านย่าของเจ้าอีก! ถ้านังเด็กสารเลวนั่นลงมือก่อน เรื่องงามหน้าของเจ้าปิดไว้ไม่มิดแน่!” สายตาของนางเต็มไปด้วยความเย็นชา หากหลิ่วอวิ๋นซูทำดังว่าจริงๆ เช่นนั้น บุตรีอนุภรรยาผู้นี้ก็เก็บไว้ไม่ได้แล้ว ไม่รู้จักฐานะในจวนโหวของตัวเอง ทั้งไม่ยอมให้ตนควบคุมดีๆ เหลยซื่อมิอาจยอมรับตัวหมากที่ไม่เชื่อฟังเช่นนี้ได้

ณ ห้องโถงเรือนฮูหยินผู้เฒ่า เสียงของอวิ๋นซูดังแว่วออกมาดั่งคาด

ดวงตาของเหลยซื่อมืดครึ้ม นังเด็กสารเลวนี่มาฟ้องฮูหยินผู้เฒ่าจริงด้วย!

“ท่านแม่ ท่านต้องจัดการให้อวิ๋นฮว๋านะเจ้าคะ!”

เห็นเหลยซื่อทะยานตัวเข้ามาด้วยใบหน้าเจ็บปวด ฮูหยินผู้เฒ่าก็ตกตะลึง ด้านหลังตามมาด้วยหลิ่วอวิ๋นฮว๋าที่มีท่าทางร้อนรน “ท่านแม่ ท่านอย่าได้ฟังความข้างเดียว อวิ๋นฮว๋าย่อมมิอาจกระทำเรื่องราวเช่นนั้นออกมาอย่างแน่นอน”

ในห้องโถงพลันปกคลุมไปด้วยความเงียบ เหลยซื่อเพิ่งเห็นคุณชายซีที่อยู่ข้างกายอวิ๋นซู

สายตาของนางพลันมืดครึ้ม นังเด็กสาiเลวนี่ถึงกับพาคุณชายซีมาด้วย หรือจะนำเรื่องเมื่อวันนั้นรวมมาฟ้องฮูหยินผู้เฒ่าในคราเดียวเลย?!

“จิ่นฮว๋า เจ้าว่าอะไรนะ?” ฮูหยินผู้เฒ่ากล่าวถามช้าๆ นางไม่เคยเรียกชื่อของเหลยซื่อมานานมากแล้ว

*******************

คำอธิบายเพิ่มเติม

[1] เฟิ่งหลิง ชื่อของคุณชายสามแห่งจวนชางติ้งโหว เขียนด้วยตัวอักษร 凤凌 ส่วนเฟิ่งหลิง ซึ่งพ้องเสียงกับชื่อของคุณหนูเจ็ดแห่งจวนชางติ้งโหวที่เขียนด้วยตัวอักษร 凤铃

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น

หมอพิษชั่นหนึ่ง ตอนที่ 33 จับได้คาหนังคาเขา

  ยามเที่ยงวัน รถม้าหรูหราคันหนึ่งจอดอยู่หน้าประตูจวนโหว บุรุษผิวคล้ำคนหนึ่งลงจากรถม้าแล้ววิ่งเข้าไป เขาก้าวยาวๆ ไปตามระเบียง ตลอดทางข้ารั...