adsen

วันพุธที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2566

หมอพิษชั้นหนึ่ง ตอนที่ 3 บุตรสาวอนุภรรยาแห่งจวนโหว

 ตอนที่ 3 บุตรสาวอนุภรรยาแห่งจวนโหว

หนาวเหน็บ ความหนาวเหน็บอันไร้ขอบเขตบาดลึกถึงกระดูก

“ช่างเป็นตัวซวยจริงๆ! กลับมาก็สร้างเรื่องเสียแล้ว!” เสียงนี้เจือไปด้วยความรังเกียจล้ำลึก

“แต่ว่า ฮูหยิน…หากคุณหนูหกตายไปเช่นนี้…”

“ตายเสียได้ก็ดี จวนโหวของพวกเราจะได้ลดความซวยลงไปบ้าง!”

ในหูเต็มไปด้วยเสียงของผู้คนและเสียงฝีเท้าอันเร่งรีบ ราวกับมีคนเดินไปเดินมาอยู่ข้างกายของนาง อวิ๋นซูรู้สึกว่าร่างกายของตนคล้ายกับก้อนน้ำแข็งที่แข็งทื่อจนมิอาจกระดิกกระเดี้ย นางตายไปแล้วมิใช่หรือ? หรือว่าที่นี่คือนรก?

ฮ่าๆ ใช่สิ คนเช่นนาง ก็สมควรที่จะลงนรกแล้ว…

“แล้วฮูหยินรอง…”

“ยังไม่ต้องป่าวประกาศออกไป รอท่านโหวกลับมาค่อยหารือกัน!”

เสียงเอะอะค่อยๆ ไกลออกไป ความรู้สึกเจ็บปวดที่แผ่ซ่านในร่างกายชัดเจนยิ่งขึ้น อวิ๋นซูลืมตาอย่างยากลำบาก ความขาวโพลนปรากฏสู่ม่านสายตา คล้ายกับมีหิมะกำลังล่องลอยกระจัดกระจาย

หิมะ? แต่ไหนแต่ไรแคว้นอี้ไม่เคยมีหิมะตกมาก่อน นางกำลังฝันอยู่หรือ?

“คุณหนู…คุณหนู!”

ความอบอุ่นแผ่เข้ามาจากหลังมือ ราวกับมีคนกำลังเขย่าร่างกายของนางอยู่ “คุณหนู ท่านตื่นเถิด! อย่าได้ทิ้งอวี้เอ๋อร์ไปเลยเจ้าค่ะ คุณหนู!”

อวี้เอ๋อร์หรือ? เสียงช่างไม่คุ้นเอาเสียเลย ใครกัน?

ท่ามกลางเขตเรือนที่เต็มไปด้วยหิมะ สาวใช้นางหนึ่งกำลังกอดร่างของอวิ๋นซูด้วยต้องการทำให้ร่างกายนางอบอุ่น หยาดน้ำตาไหลรินออกมาและหยดลงสู่ใบหน้าของนาง

ที่แท้ก็ยังมีคนโศกเศร้ากับการตายของนางอยู่ ช่างอบอุ่นเหลือเกิน อบอุ่นจนทำให้อวิ๋นซูไม่อยากจะลืมตาตื่นขึ้นมาอีกต่อไป อยากจะเลือนหายไปเงียบๆ เช่นนี้ ให้ชีวิตอันน่าขันของนางสิ้นสุดลงเสียที

“ท่านพี่ ข้าต้องการให้ท่านตาย!” รอยยิ้มอันโหดเหี้ยมลำพองใจของอวิ๋นเม่ยพลันปรากฏขึ้นในห้วงความคิด อวิ๋นซูที่อยู่บนพื้นตกใจตื่นจนลุกขึ้นนั่ง มือของนางจิกแน่นลงไปในหิมะ ไม่! นางตายไม่ได้ นางตายไม่ได้เด็ดขาด!

“อ้ะ! คุณหนู ดีเหลือเกิน คุณหนูยังไม่ตาย ฮือๆ…”

สาวใช้ตัวน้อยคนหนึ่งโถมตัวเข้ากอดนางแน่น ความอบอุ่นจากร่างกายอีกฝ่ายห่อหุ้มนางไว้ ดวงตาทั้งสองที่อัดแน่นไปด้วยความคับแค้นใจของอวิ๋นซูค่อยๆ ปรากฏภาพที่แจ่มชัดขึ้น นางขยับศีรษะอันแข็งทื่อก่อนจะกล่าวด้วยเสียงแหบแห้ง “เจ้าเป็นใคร?”

สาวใช้ผู้นั้นชะงัก มองอวิ๋นซูที่มีท่าทางแปลกไปตรงหน้าอย่างตกตะลึง รีบจับหน้าผากของนาง “คุณหนู อย่าทำให้บ่าวตกใจเลยเจ้าค่ะ บ่าวคืออวี้เอ๋อร์ สาวใช้ของท่าน อวี้เอ๋อร์!”

อวี้เอ๋อร์คิดได้ว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะสนใจสิ่งใดให้มากความ “คุณหนู พวกเรารีบลุกขึ้นเถิด มิฉะนั้นหากฮูหยินมาพบเข้าจะต้องตายแน่!” นางประคองอวิ๋นซูขึ้นจากพื้นอย่างทุลักทุเล ลมหนาวอันเย็นเยียบที่พัดมาปลุกความเจ็บปวดทั้งหมดบนร่างของนางให้ตื่นขึ้น

“โอ๊ย” อวิ๋นซูก้มหน้าลงมองนิ้วเรียวเล็กทั้งสิบตรงหน้าและฝ่ามือ…นี่ไม่ใช่มือของนาง!

อวิ๋นซูสำรวจรอบข้าง ที่นี่ไม่ใช่คุกสวรรค์ของแคว้นอี้ แต่เป็นเขตเรือนที่ดูแปลกตาแห่งหนึ่ง บนพื้นและพุ่มไม้ถูกหิมะตกลงมาทับถมอยู่เต็มไปหมด เงยหน้าขึ้นมองกระเบื้องมุงหลังคาสีเขียวนั่นอีกครั้งจึงทราบว่าที่นี่เป็นจวนของคนใหญ่คนโตแห่งหนึ่ง

ภายในเรือนอันโกโรโกโส อวี้เอ๋อร์จุดถ่านอย่างร้อนรนเพื่อทำให้ร่างกายของอวิ๋นซูอบอุ่น ทั้งยังนำชุดกันหนาวเก่าๆ มาช่วยอวิ๋นซูผลัดเปลี่ยนกับชุดอันเปียกชื้นบนร่าง นางเช็ดน้ำตาพลางก่นด่าตนเองว่าไร้ประโยชน์ ไม่อาจช่วยอะไรคุณหนูได้

ความอบอุ่นจากถ่านทำให้ใจของอวิ๋นซูค่อยๆ สงบลง นางลูบคลำใบหน้าของตนเบาๆ มันทั้งเย็นและเกลี้ยงเกลา นอกจากใบหูที่มีแผลอันเกิดจากการถูกความหนาวเย็นกัดก็ไม่มีบาดแผลอื่น ชัดเจนแล้วว่านี่ไม่ใช่ร่างกายของนางจริงๆ

นางเป็นฮองเฮาแห่งแคว้นอี้ เรื่องราวต่างๆ ยังคงแจ่มชัดอยู่ในหัว ทั้งไม่คล้ายกับภาพฝัน มือของอวิ๋นซูกำแน่นราวกับไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดใดๆ

“อวี้เอ๋อร์…”

“คุณหนู! ยังเจ็บอยู่หรือไม่เจ้าคะ?”

“อวี้เอ๋อร์ ที่นี่คือที่ใด? ข้ารู้สึกเหมือน…ลืมเรื่องราวต่างๆ ไปมาก”

เมื่อคำพูดนี้ถูกกล่าวออกมา ดวงตาของอวี้เอ๋อร์พลันแดงก่ำ วันที่หิมะตกและอากาศหนาวเย็นเช่นนี้ กลับถูกฮูหยินใหญ่ทำโทษให้คุกเข่าอยู่นอกจวน ทั้งยังต้องใช้มือทั้งสองยกอ่างน้ำขึ้นเหนือหัวโดยสวมใส่เพียงชุดบางๆ ตัวหนึ่งเท่านั้น ต่อให้เป็นบุรุษร่างกายแข็งแรงก็อาจถูกแช่แข็งได้ สำหรับคุณหนูหกที่อ่อนแอบอบบางแล้ว นับว่าเป็นความต้องการเอาชีวิตนางอย่างแท้จริง!

“คุณหนู…ล้วนเป็นอวี้เอ๋อร์ไม่ดีเองเจ้าค่ะ…”

ที่แท้ ที่นี่ก็คือจวนชางหรงโหวแห่งแคว้นเฉิน ส่วนร่างกายนี้ของตนก็คือคุณหนูหก หลิ่วอวิ๋นซู ลูกอนุภรรยาแห่งจวนโหว นางมีพี่สาวหนึ่งคนและน้องชายสองคนที่เป็นบุตรของภรรยาเอก มีพี่สาวหนึ่งคน น้องสาวหนึ่งคน และน้องชายสองคนที่เป็นบุตรของอนุภรรยา

เหลยซื่อ ฮูหยินของชางหรงโหวเป็นบุตรสาวภรรยาเอกของแม่ทัพเวยหย่วน ชางหรงโหวมีอนุภรรยาสี่คน อนุสามคือมารดาผู้ให้กำเนิดของนาง เพียงแต่ได้เสียชีวิตไปแล้วหลังจากคลอดนางออกมา ในเวลานั้นฮูหยินผู้เฒ่าเชิญซินแสที่ทำนายดวงชะตาได้แม่นยำราวตาเห็นมาผู้หนึ่ง ได้รับคำทำนายดวงชะตาของอวิ๋นซูว่านางมีดวงชะตาแข็ง [1] เกินไป ทำให้นางมีดวงกินมารดา ทั้งยังกล่าวว่าไม่มีผู้ใดในจวนชางหรงโหวที่ยับยั้งได้ หากปล่อยให้นางอยู่ จะต้องนำพาโชคร้ายมาสู่จวนโหวอย่างแน่นอน

ด้วยเหตุนี้หลิ่วอวิ๋นซูที่เพิ่งจะเกิดมาได้ไม่นานจึงถูกส่งไปให้หมอประจำหมู่บ้านที่อาศัยอยู่ในหุบเขาลึกเลี้ยงดู ส่วนอวี้เอ๋อร์เป็นสาวใช้ในหมู่บ้านที่จวนโหวใช้เงินเล็กน้อยซื้อตัวมา

หากกล่าวว่านางเป็นสาวใช้ สู้กล่าวว่านางเป็นเพื่อนเล่นยังดีเสียกว่า เพราะนางเติบโตมากับหลิ่วอวิ๋นซูตั้งแต่เด็ก สนิทสนมกันราวพี่น้อง

“เช่นนั้นเหตุใดคราวนี้ถึงได้รับข้ากลับจวนโหวมาอีกเล่า?” ต่อให้อวี้เอ๋อร์ไม่ทราบ อวิ๋นซูก็เข้าใจแจ่มแจ้ง เพราะนางมีดวงกินมารดา หากเรื่องเช่นนี้แพร่ออกไป ลูกอนุภรรยาคนนี้จะมีประโยชน์อันใดกับจวนโหว ไม่มีบ้านสามีบ้านไหนที่อยากรับเคราะห์ร้ายเช่นนี้ไป หากมีทางเลือก เหตุใดพวกเขาจะต้องเสี่ยงชีวิตโดยการรับตนกลับมาด้วย?

“อวี้เอ๋อร์ไม่ทราบเจ้าค่ะ…คุณหนู…” น้ำเสียงของนางเจือความสงสัย ราวกับสับสนอยู่มาก “คุณหนูเจ้าคะ อย่าตำหนิชุ่ยเอ๋อร์เลยเจ้าค่ะ นางแค่ตาบอดไปชั่วครู่ บ่าวเชื่อว่านางไม่เคยคิดจะทำร้ายคุณหนูอย่างเด็ดขาด”

“ชุ่ยเอ๋อร์?”

ที่แท้ยังมีสาวใช้อีกคนหนึ่ง พวกนางทั้งสองกลับมาที่จวนพร้อมกับหลิ่วอวิ๋นซู ไม่คิดว่าชุ่ยเอ๋อร์จะถูกผู้อื่นซื้อตัวไปแล้ว บุตรชายคนเดียวของบ้านรองหลงเข้ามาในห้องของหลิ่วอวิ๋นซูโดยไม่ตั้งใจ ทั้งสองจึงเล่นด้วยกัน แต่จู่ๆ คุณชายน้อยกลับเล่นซนจนหาตัวไม่พบ เมื่อฮูหยินทราบเรื่องก็รีบนำคนสนิทหลายคนมา ไม่นึกว่าชุ่ยเอ๋อร์กลับกล่าวว่าหลิ่วอวิ๋นซูเป็นคนชวนคุณชายน้อยผู้นั้นมาเล่นในเขตเรือนของตน แต่ตอนนี้กลับหาคนไม่พบ ทำให้คำพูดนั้นแฝงความหมายไปเป็นอีกอย่าง

สาวใช้ตัวเล็กๆ คนหนึ่งถึงกับขายเจ้านาย ไม่ว่าจะที่ใดก็ล้วนมีอยู่จริงๆ

อวิ๋นซูลูบท้องอันแบนราบของตนโดยไม่รู้ตัว เมื่อคิดถึงบุตรที่ไม่มีโอกาสได้เกิดของนางสายตาก็พลันเปลี่ยนไป ความเคียดแค้นอันไร้ขอบเขตผสานเข้าไปในโลหิต แล่นพล่านจากขั้วหัวใจโคจรไปทั่วร่าง นางสั่นเทาไม่หยุด หลิ่วอวิ๋นซูหรือ นี่เป็นการยืมศพคืนวิญญาณ? หรือเป็นเพียงนามที่เหมือนกัน? สิ่งเหล่านี้ล้วนไม่สำคัญ ที่สำคัญก็คือนางยังคงมีชีวิตอยู่ นี่เป็นโอกาสที่สวรรค์ประทานให้นางหรือ?! เมื่อเป็นเช่นนี้ ต่อให้ต้องตามไปสุดปลายฟ้า นางจะต้องคืนหนี้เลือดครั้งนี้กลับไปแน่!

“อวี้เอ๋อร์ เจ้าทราบเรื่องแคว้นอี้มากน้อยเพียงใด?” ภายในดวงตาเต็มไปด้วยประกายที่ไม่คิดปิดซ่อนเลยแม้แต่น้อย ราวกับสามารถมองทะลุใจคนได้อย่างไรอย่างนั้น นางต้องการทราบเป็นอย่างยิ่งว่า หลังจากตนเองตายไป อวิ๋นเม่ยได้กลายเป็นฮองเฮาหรือไม่ และสกุลอวิ๋นทราบเรื่องนี้หรือไม่

******************

[1] ดวงชะตาแข็ง ในการทำนายดวงชะตาชาวจีน หากใครมีดวงชะตาแข็ง เชื่อกันว่าคนนั้นจะตายยาก สามารถรอดพ้นจากสิ่งเลวร้ายต่างๆ ได้ดี แต่จะไปเบียดบังและกลืนกินดวงชะตาของผู้คนรอบข้าง ทำให้คนรอบข้างประสบกับเคราะห์ร้ายต่างๆ นานา

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น

หมอพิษชั่นหนึ่ง ตอนที่ 33 จับได้คาหนังคาเขา

  ยามเที่ยงวัน รถม้าหรูหราคันหนึ่งจอดอยู่หน้าประตูจวนโหว บุรุษผิวคล้ำคนหนึ่งลงจากรถม้าแล้ววิ่งเข้าไป เขาก้าวยาวๆ ไปตามระเบียง ตลอดทางข้ารั...