adsen

วันพฤหัสบดีที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2566

หมอพิษชั่นหนึ่ง ตอนที่ 13 คุณหนูเจ็ดได้รับบาดเจ็บ

 ตอนที่ 13 คุณหนูเจ็ดได้รับบาดเจ็บ

หลายคนในบริเวณนั้นเห็นว่าหลิ่วอวิ๋นฮว๋าใจกว้างอ่อนโยนเช่นนี้ คำชมเชยพลันดังขึ้นไม่ขาดสาย

อวิ๋นซูย่อมไม่มองข้ามประกายในดวงตาของนาง นางแย้มยิ้มบางเบาแล้วเดินตามไป

“น้องหก เรื่องมันเป็นเช่นนี้ คุณหนูเจ็ดเชิญพวกเราไปที่สวนดอกไม้ด้านหลัง นางอยากเป็นสหายกับพวกเรา ข้าเห็นว่าตั้งแต่เจ้ากลับมายังเมืองหลวงก็ไม่มีสหายที่ไหน ได้ยินมาว่าคุณหนูเจ็ดเข้าอกเข้าใจผู้อื่น หากเจ้าได้เป็นเพื่อนกับนาง เชื่อว่าอนาคตในวันหน้าจะต้องไปได้ด้วยดีแน่นอน”

เป็นเพื่อนกับคุณหนูเจ็ดก็สามารถมีอนาคตที่ดีได้อย่างนั้นหรือ? หลิ่วอวิ๋นฮว๋าช่างเห็นตนเป็นเด็กไม่ประสีประสาเสียจริง อวิ๋นซูยิ้ม “เจ้าค่ะ ท่านพี่”

ณ ภูเขาจำลองบริเวณทะเลสาบ ท่ามกลางพุ่มดอกไม้ เงาร่างในชุดสีแดงชาดดูโด่ดเด่นเป็นพิเศษ หลิ่วอวิ๋นฮว๋ารู้สึกประหลาดใจ เหตุใดข้างกายคุณหนูเจ็ดจึงไม่มีบ่าวรับใช้อยู่เลย?

“คุณหนูเจ็ด…”

เฟิ่งหลิงก้มหน้าจดจ่ออยู่กับอะไรบางอย่าง จนกระทั่งหลิ่วอวิ๋นฮว๋าเข้าไปใกล้ นางจึงลุกขึ้นยืน จากนั้นจู่ๆ ก็หันตัวกลับมาพร้อมไส้เดือนที่ดิ้นดุกดิกอยู่ในมือ “ดูสิ น่ารักหรือไม่?!”

“กรี๊ด” เสียงกรีดร้องแหลมสูงดังเสียดฟ้า ใบหน้าของหลิ่วอวิ๋นฮว๋าพลันบิดเบี้ยว นางก้าวถอยหลังไปด้วยความหวาดกลัว ทว่าเฟิ่งหลิงกลับจับไส้เดือนตัวนั้นเดินตามไปติดๆ

อวิ๋นซูคิดไม่ถึงว่าจะเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น มือคู่หนึ่งยื่นมาจับแขนนางเอาไว้แล้วผลักนางไปทางคุณหนูเจ็ด

เฟิ่งหลิงตกตะลึง คิดจะหลบแต่ก็ไม่ทันการเสียแล้ว ดวงตาของอวิ๋นซูเย็นยะเยือก หากคุณหนูเจ็ดชนเข้ากับภูเขาจำลองด้านหลัง จะต้องได้รับบาดเจ็บอย่างแน่นอน

นางกางแขนออกอย่างคล่องแคล่วในฉับพลัน กอดคุณหนูเจ็ดเอาไว้ในอ้อมอก รู้สึกได้ถึงแผ่นหลังของตนที่ชนหินอันแข็งกระด้างของภูเขาจำลองลูกนั้น ความเจ็บปวดสายหนึ่งแล่นพล่าน ตามติดมาด้วยเสียงร้องอย่างทรมานของอวิ๋นซู

แต่ทว่าการปะทะนี้ก็ยังทำให้ทั้งคู่ล้มลงกับพื้น

“กรี๊ด!” หลิ่วอวิ๋นฮว๋ายังคงกรีดร้อง ในที่สุดความเคลื่อนไหวทางด้านนี้ก็ดึงดูดเหล่าคุณหนูที่อยู่ไม่ไกล

“คุณหนูหลิ่ว เกิดอะไรขึ้น?”

“อวิ๋นฮว๋า เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?”

เหล่าคุณหนูทยอยกันมา หลิ่วอวิ๋นอว๋าพลันได้สติกลับมาไม่น้อย แย่แล้ว หากให้พวกนางรู้ว่าตนผลักคุณหนูเจ็ดล้มละก็…

“ข้า…น้องหกนางไม่ระวังจึงไปผลักคุณหนูเจ็ดล้ม…”

ฝูงชนพากันตนตะลึง อะไรกัน?! ลูกอนุภรรยาของจวนโหวถึงกับกระทำเรื่องเช่นนี้?! เฟิ่งหลิงที่อยู่บนพื้นลุกขึ้นนั่งอย่างยากลำบาก “นี่ เจ้า เจ้าไม่เป็นไรใช่หรือไม่?” คุณหนูเจ็ดหันมามองสตรีที่กลายเป็นเบาะรองอยู่ใต้ร่างของนาง หากไม่ใช่เพราะนาง ตนเองต้องได้รับบาดเจ็บแน่

ทว่าหลิ่วอวิ๋นฮว๋ากลับสูดลมหายใจเย็นยะเยือก “น้องหก! เจ้าจะไม่ระวังเกินไปแล้ว! ใบหน้าของคุณหนูเจ็ด…” เสียงกล่าวโทษนี้ ทำให้ทั้งสองได้สติ

เฟิ่งหลิงได้ยินนางพูดเช่นนี้ จึงเพิ่งรู้สึกถึงความเจ็บปวดที่เสียดแทงบนแก้มของตน เมื่อใช้มือแตะดูจึงพบว่ามีแต่เลือด! สายตาตกอยู่บนหินภูเขาที่ยื่นออกมาแถวๆ มือ เมื่อครู่ตอนที่ล้มลงไปดูเหมือนจะถูกหินบาด

สีหน้าของคุณหหนูทุกท่านต่างก็ไม่น่าดูยิ่งนัก บาดแผลลึกขนาดนั้น เกรงว่าจะต้องทิ้งรอยแผลเป็นเอาไว้แน่ ไข่มุกในมือชางติ้งโหวเกิดอุบัติเหตุเช่นนี้ พวกนางจะถูกลากเข้าไปพัวพันหรือไม่?

“น้องหก เจ้าจะชดใช้ให้ชางติ้งโหวอย่างไร! คราวนี้พี่คงช่วยเจ้าไม่ได้” หลิ่วอวิ๋นฮว๋ามีท่าทางเจ็บปวดใจ กล่าวเช่นนี้ราวกับจะบอกว่าอวิ๋นซูมักกระทำความผิดอยู่บ่อยครั้ง แล้วเป็นนางที่คอยช่วยปกปิดอย่างไรอย่างนั้น

ชั่วขณะนี้เองบ่าวรับใช้นางหนึ่งประคองอวิ๋นซูขึ้น นางอดกลั้นความเจ็บปวดที่หลังมองไปยังเฟิ่งหลิงที่ถูกรุมล้อม “อย่าขยับ”

เสียงนี้ทำให้เฟิ่งหลิงที่กำลังสัมผัสบาดแผลของตนหยุดการกระทำอย่างเชื่อฟัง อวิ๋นซูเดินผ่านผู้คน นั่งลงตรวจสอบบาดแผลบนใบหน้า จากนั้นจึงหยิบขวดยาขนาดเล็กขวดหนึ่งออกมาจากแขนเสื้อ นางกำลังจะทาลงไปทว่ากลับถูกหลิ่วอวิ๋นฮว๋าแย่งไปจากมือ

“น้องหก ความผิดที่เจ้าก่อยังไม่ร้ายแรงพออีกหรือ? เหตุใดจึงได้ใช้ยากับคุณหนูเจ็ดสุ่มสี่สุ่มห้าเช่นนี้? ท่านชางติ้งโหวย่อมต้องเชิญหมอที่ดีที่สุดมาอยู่แล้ว เจ้าอย่าได้ทำร้ายคนอีกเลย!”

เสียงตำหนิราวกับต้องการทำให้อวิ๋นซูไร้ทางรอด เฟิ่งหลิงทำแก้มป่องท่าทางต้องการระเบิดความโกรธออกมา ทว่าสตรีชุดขาวตรงหน้ากลับยืนขึ้น “ท่านพี่ บาดแผลของคุณหนูเจ็ดจำเป็นต้องรักษาทันที มิอาจรอท่านหมอที่ดีที่สุดได้แล้ว!”

น้ำเสียงอันเยือกเย็นมั่นใจนี้แสดงอำนาจออกมาอย่างไม่รู้ตัว ทำให้คุณหนูทุกคนตกตะลึง ไม่มีใครกล้าเอ่ยอะไรอีก

หลิ่วอวิ๋นฮว๋าอ้าปาก เสียงในใจกำลังร้องเตือนตนเอง แต่อย่างไรเสียคนตรงหน้าก็แค่ลูกอนุภรรยาผู้หนึ่ง ไม่มีอะไรให้ต้องกลัว

“น้องหก ชางติ้งโหวรักถนอมคุณหนูเจ็ดมาโดยตลอด ต่อให้เป็นยาก็ต้องให้นางใช้ยาที่ดีที่สุด ยารักษาแผลของเจ้าไม่ทราบว่าซื้อมาจากแผงขายของแห่งใด ย่อมมิอาจให้คุณหนูเจ็ดใช้ได้ ข้ามิอาจมองดูเจ้าก่อเรื่องให้จวนโหวได้!” ว่าแล้ว นางก็โยนขวดยาในมือทิ้ง เสียงสิ่งของตกน้ำดังขึ้นในทะเลสาบ

“…” เหล่าคุณหนูสบตากับ ไม่มีผู้ใดออกปากหยุดยั้ง เพราะไม่ว่าจะมองอย่างไร ก็เป็นหลิ่วอวิ๋นอว๋ากำลังสั่งสอนน้องสาวลูกอนุภรรยาที่นิสัยเสียของตน

อวิ๋นซูเห็นแววลำพองใจในสายตาของหลิ่วอวิ๋นฮว๋า นางทราบดีไม่ว่าอย่างไรอีกฝ่ายก็ต้องการให้ตนเองแบกรับความผิดนี้ให้ได้ นางแย้มยิ้ม เดินเข้าใกล้หลิ่วอวิ๋นฮว๋าช้าๆ อีกฝ่ายถอยหลังไปก้าวหนึ่ง กัดฟันกล่าวว่า “เจ้ายิ้มอะไร?”

อวิ๋นซูกล่าวด้วยเสียงที่ได้ยินกันเพียงสองคน “ท่านพี่ เรื่องนี้ท่านเองก็หนีความผิดไม่พ้น ท่านกล่าวกับทุกคนไม่ใช่หรือว่าท่านเจตนาดีพาข้ามาเปิดหูเปิดตา การกระทำทุกสิ่งทุกอย่างของพวกเราล้วนเป็นตัวแทนของจวนโหว แต่ตอนนี้ ยารักษาแผลเพียงหนึ่งเดียวที่สามารถช่วยเปลี่ยนเรื่องนี้ได้ถูกท่านทำหายไปในทะเลสาบแล้ว ท่านว่าจะทำอย่างไรดีเล่า?”

“เจ้า…เจ้าไม่ต้องมาขู่ข้า…” หลิ่วอวิ๋นฮว๋ายิ่งฟังก็ยิ่งรู้สึกเย็นยะเยือกในใจ ดูเหมือนจะเป็นดั่งที่นางว่า อย่างไรเสียตนเองก็ไม่อาจสลัดความผิดนี้ไปได้

แม่นมหลี่ที่คอยดูแลคุณหนูเจ็ดมาตลอดเห็นว่าริมทะเลสาบมีคนมาก จึงบังเกิดความแปลกใจ เมื่อนางเห็นเฟิ่งหลิงที่นั่งอยู่บนพื้นทั้งยังมีเลือดไหลบนใบหน้า นางก็ตกใจจนวิญญาณแทบจะหลุดออกจากร่าง

“คุณหนูเจ็ด! ท่าน…ท่านเป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ!”

เป็นแม่นมหลี่ของชางติ้งโหว! เหล่าคุณหนูค่อยๆ กระจายตัวออก พวกนางล้วนเคยได้ยินเรื่องเกี่ยวกับแม่นหลี่ผู้นี้มาทั้งนั้น แม่นมหลี่เป็นคนที่ไทเฮาส่งมาให้ชางติ้งโหว สมัยก่อนเคยเป็นนางกำนัลผู้คุมกฎในวัง เด็ดขาดเข้มงวดเป็นอย่างมาก

“เป็นผู้ใด?! เป็นผู้ใดที่ทำกับคุณหนูเจ็ดเช่นนี้?!” แม่นมจ้องมองด้วยดวงตาอันเบิกกว้างราวโอ่งยักษ์ ท่าทางเช่นนี้ทำให้ทุกคนบังเกิดความกลัวขึ้นในใจ

อวิ๋นซูหันมา “แม่นมเจ้าคะ ท่านมีผ้าสะอาดหรือไม่เจ้าคะ?”

แม่นมชรามองสตรีผู้มีใบหน้างามพิลาศตรงหน้า ดวงตาอันสงบเยือกเย็นของนางไม่ปรากฏความขลาดเขลาเลยแม้แต่น้อย ไม่เหมือนคุณหนูคนอื่นๆ ที่เห็นตนแล้วก็ต่างหลบสายตา

อวิ๋นซูรับผ้าสะอาดมาจากแม่นม ช่วยเฟิ่งหลิงเช็ดรอยเลือดบนใบหน้าอย่างระมัดระวัง “ยารักษาแผลที่ข้านำมาถูกโยนลงทะเลสาบไปแล้ว แม่นมให้คนลงไปหาได้หรือไม่เจ้าคะ?”

ทว่ากลับมีเสียงแจ่มใสเสียงหนึ่งดังมาจากด้านหลัง “ยารักษาแผลที่คุณหนูนำมา เป็นของคุณหนูเองหรือ?”

ทุกคนมองไปยังต้นเสียง พบบุรุษผู้หนึ่งสวมชุดฮว๋าฝูสีน้ำตาลเดินเข้ามาใกล้ เหล่าคุณหนูถูกใบหน้าของเขาดึงดูดจนหน้าแดงระเรื่อ กล่าวกันว่าบุตรชายทุกคนของชางติ้งโหวล้วนรูปงามหล่อเหลา วันนี้เมื่อได้เห็นต่างก็รู้สึกว่าเป็นเช่นดังคำกล่าวจริงๆ

“คุณชายสี่?” แม่นมประหลาดใจ

อวิ๋นซูมองบุรุษแปลกตาตรงหน้า นางสบสายตาที่เต็มไปด้วยคำถามของอีกฝ่ายอย่างไม่หลบเลี่ยง “เจ้าค่ะ”

ดวงตาของเฟิ่งฉีพลันสว่างวาบ จากนั้นจึงฉีกยิ้ม หยิบห่อยาขนาดเล็กห่อหนึ่งออกมาจากแขนเสื้อ “ใช้นี่เถิด”

นั่นคือยารักษาบาดแผลที่ตนเองฝากขายไว้ที่ร้านยา!

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น

หมอพิษชั่นหนึ่ง ตอนที่ 33 จับได้คาหนังคาเขา

  ยามเที่ยงวัน รถม้าหรูหราคันหนึ่งจอดอยู่หน้าประตูจวนโหว บุรุษผิวคล้ำคนหนึ่งลงจากรถม้าแล้ววิ่งเข้าไป เขาก้าวยาวๆ ไปตามระเบียง ตลอดทางข้ารั...