adsen

วันพุธที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2566

หมอพิษชั้นหนึ่ง ตอนที่ 6 คราวหน้าไม่ละเว้น

 ตอนที่ 6 คราวหน้าไม่ละเว้น

เหลยซื่อรู้สึกว่าคำขอบคุณของฮูหยินบ้านรองช่างบาดหูเสียเหลือเกิน สายตาของนางหยุดอยู่ที่ถุงเงินใบนั้น ราวกับคิดอะไรบางอย่าง ก่อนจะมองมายังทิศทางของตน

“ดูแล้วนี่เป็นเพียงความเข้าใจผิดเท่านั้น ถุงเงินใบนี้ก็ไม่ทราบว่าเป็นผู้ใดทำตกไว้ ดูจากลักษณะ ผู้ที่ไม่ทราบอาจเข้าใจผิดคิดว่าเป็นของคุณชายซีได้” ทั้งๆ ที่ผู้อื่นไม่ได้มีอันตราย แต่คนของตนกลับนำถุงเงินใบนี้มาสร้างความเข้าใจผิดให้ฮูหยินบ้านรอง เกรงว่าครานี้นางจะทำให้ฮูหยินบ้านรองคิดว่าตนมีเจตนาอื่นแอบแฝง เหลยซื่ออดรู้สึกอึดอัดไม่ได้ ข้ารับใช้กลุ่มนี้มีตาหามีแววไม่ หยิบของพรรค์นี้มารายงานตามใจชอบไปเสียได้

หันมองหลิ่วอวิ๋นซูที่อยู่ข้างๆ มันเกิดอะไรขึ้นกับตัวโชคร้ายนี้กันแน่ ถึงสามารถหาตัวคุณชายซีกลับมาได้ ช่างดวงแข็งเสียจริง ชั่วพริบตานั้นเหลยซื่อเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของนางครู่หนึ่งก่อนจะจางหายไปอย่างรวดเร็ว หรือตนจะมองผิดไป?

ดวงจันทราที่เพิ่งจะปีนป่ายขึ้นสู่ท้องฟ้าส่องแสงลงสู่ผืนป่าแห่งนี้ สตรีตรงหน้าดูสงบเยือกเย็นเป็นพิเศษ ราวกับกลายเป็นอีกคนหนึ่งก็มิปาน บนร่างของนางแผ่กลิ่นอายความสุขุมออกมาอย่างยิ่งยวด โดยเฉพาะดวงตาคู่นั้นที่ทำให้เหลยซื่อบังเกิดความหวาดกลัวในใจอย่างมิอาจอธิบายได้

“ทำให้ท่านแม่ต้องกังวลแล้ว อวิ๋นซูสมควรให้อวี้เอ๋อร์ไปบอกกล่าวท่านแม่เสียหน่อย ทำให้ทุกคนร้อนใจแล้ว” อวิ๋นซูกล่าวเช่นนี้ นับว่าเป็นการมอบทางลงให้แก่เหลยซื่อ

ความรู้สึกดีๆ ที่ฮูหยินบ้านรองมีต่อนางยิ่งเพิ่มมากขึ้นหลายส่วน ผู้ที่มีสายตาเฉียบแหลมล้วนเข้าใจเหตุการณ์กระจ่างชัด เมื่อครู่เหลยซื่อต้องการใช้หลิ่วอวิ๋นซูเป็นตัวตายตัวแทน ไม่นึกว่านางกลับสยบความมุ่งร้ายด้วยการวางเฉย เข้าใจหลักเหตุผล รู้จักมองภาพรวมเช่นนี้ ช่างทำให้ผู้คนรู้สึกเอ็นดูจริงๆ

“…เด็กดี ไม่บาดเจ็บตรงไหนใช่หรือไม่? เอาเถิด จำไว้ว่าคราวหน้าต้องระวังความปลอดภัยของตนเองด้วย” นางยื่นมือไปจับไหล่ของอวิ๋นซูเบาๆ นางในตอนนี้สามารถเรียกคืนท่าทางสง่างามใจกว้างเช่นยามปกติได้แล้ว ในสายตาของผู้อื่น เหลยซื่อเป็นผู้ที่มีจิตใจเมตตาอารีต่อลูกอนุภรรยา เป็นภรรยาเอกที่หาได้ยากยิ่ง “ยังไม่รีบพาคุณหนูหกกลับไปพักผ่อนที่จวนอีก!”

คำกล่าวนี้เอ่ยกับอวี้เอ๋อร์ที่อยู่ในมุมอับสายตา แววตาของเหลยซื่อคมกริบ ไม่รู้ว่าเป็นสาวใช้นางนี้ที่พาอวิ๋นซูออกไปจากจวนหรือไม่ ด้วยสภาพของนางในยามนั้นเกรงว่าไม่อาจยืนขึ้นได้ พริบตาเดียวเหลยซื่อก็ผลักความผิดทั้งหมดไปให้อวี้เอ๋อร์ อย่างไรเสียผู้ที่มีความสัมพันธ์กับหลิ่วอวิ๋นซูก็ล้วนทำให้นางรู้สึกรังเกียจ

“เฉิงซี ยังไม่รีบขอบคุณท่านป้าสะใภ้อีก”

ฮูหยินบ้านรองจับหลิ่วเฉิงซีให้หันกายมา ทว่าสายตาของผู้เยาว์นั้นราวกับเจือแววปรปักษ์อยู่จางๆ ทำให้รอยยิ้มบนใบหน้าของเหลยซื่อพลันแข็งค้าง

“…ขอบคุณขอรับท่านป้าสะใภ้”

ก่อนจากไป หลิ่วเฉิงซีทอดสายตามองเงาร่างของอวิ๋นซูอย่างลึกล้ำ แล้วจึงตามฮูหยินบ้านรองออกจากป่าที่เต็มไปด้วยความทรงจำอันน่าหวาดกลัวอย่างระมัดระวัง

“คุณหนู เหตุใดจึงไม่ให้คุณชายซีกล่าวความจริงเจ้าคะ” อวี้เอ๋อร์มีหลายสิ่งหลายอย่างที่ไม่เข้าใจ ยามที่พวกนางหาตัวคุณชายซีพบในป่า เขากำลังเกาะอยู่บนต้นไม้ต้นหนึ่งอย่างหวาดกลัว ใต้ต้นไม้มีสุนัขป่าหิวโซตัวหนึ่งจับจ้อง สถานการณ์อันตรายสุดคณานับ

เมื่อนึกถึงภาพเหตุการณ์นั้น อวี้เอ๋อร์สั่นเทาอย่างไม่อาจระงับ ไม่นึกว่าคุณหนูจะมีความกล้าหาญเช่นนั้น ตัวนางคนเดียวใช้คบเพลิงและก้อนหินไล่สุนัขป่าตัวนั้นไปได้ ทั้งยังช่วยคุณชายซีลงมาจากต้นไม้

“คุณชายซีเกิดเรื่องในจวนโหว ไม่ว่าอย่างไรพวกเราก็หนีความผิดไม่พ้น” ดวงตาของอวิ๋นซูเปล่งประกาย อวี้เอ๋อร์กล่าวว่าคนของจวนโหวพบถุงเงินของคุณชายซี คาดว่าเหลยซื่อผู้นั้นคิดว่าคุณชายซีได้ประสบเคราะห์ถึงแก่ชีวิตไปแล้วเป็นแน่ นางจึงวางแผนผลักความผิดทั้งหมดมาที่ตน

ยามเมื่อฮูหยินบ้านรองเห็นถุงเงินที่ถูกสุนัขป่ากัดขาดในมือ แล้วได้เห็นคุณชายซีที่กลับมาอย่างปลอดภัยไร้อันตราย ยามนั้นเจตนาร้ายของเหลยซื่อก็ได้ถูกเปิดเผยจนหมดสิ้น

นางเป็นเพียงลูกอนุภรรยาตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ทั้งยังถูกตัดสินชี้ขาดว่าเป็นตัวโชคร้ายที่ทำให้คนตาย ในเขตเรือนลึกท่ามกลางจวนโหวแห่งนี้ย่อมอยู่อย่างยากลำบากเป็นแน่ ดังนั้นนางจำเป็นต้องระมัดระวังทุกสิ่งอย่าง มองหามิตรสหายที่สามารถช่วยนางได้ ก่อนที่นางจะได้ล้างแค้น นางจะไม่ยอมให้ตนเองเป็นอะไรไปโดยเด็ดขาด! ชีวิตนี้ของนางมีไว้เพื่อทวงหนี้แค้น!

อวี้เอ๋อร์ราวกับเห็นประกายในดวงตาของอวิ๋นซู คุณหนูเป็นเช่นนี้ช่างทำให้นางปวดใจเหลือเกิน นางยังจำคุณหนูที่ไร้กังวลในหมู่บ้านได้ ยังจำรอยยิ้มที่แย้มบานบนใบหน้าด้วยความสุขและความตื่นเต้น ยามเมื่อนางได้ยินว่าคนของจวนโหวมารับกลับได้ ท่าทางช่างแตกต่างกับตอนนี้ราวผืนฟ้ากับหุบเหว

อย่างไรก็ตามครอบครัวชั้นสูงไม่ได้เป็นเฉกเช่นคำที่ผู้คนในหมู่บ้านกล่าวกันดังที่ว่า ชีวิตสำราญด้วยภัตตาหารหยกภูษาทองพร้อมพรั่งด้วยชื่อเสียงเกียรติยศ อย่างน้อยสิ่งที่นางเห็นก็เป็นเรื่องที่ทำให้ผู้คนต้องหวาดเกรงทั้งยากจะคาดเดา

เมื่อกลับถึงห้อง อวี้เอ๋อร์จึงพาชุ่ยเอ๋อร์ที่ยังอกสั่นขวัญผวาออกมา

“เป็นเหลยซื่อที่ให้เจ้าทำเรื่องเหล่านี้ใช่หรือไม่?” เมื่อคำนี้ถูกกล่าวออกมา ทั้งสองต่างตะลึงงัน คุณหนูถึงกับเรียกมารดาเลี้ยงของตนผู้เป็นภรรยาเอกเช่นนี้…

“คุณหนู ชุ่ยเอ๋อร์ไม่ทราบจริงๆ เจ้าค่ะ ยามนั้นมีคนนำเงินให้บ่าวหนึ่งแท่ง ให้บ่าวและฮูหยินกล่าวว่าเป็นคุณหนูที่พาคุณชายซีมาเล่นด้วยตัวเอง ทั้งยังให้ชุ่ยเอ๋อร์พาคุณชายซีไปที่ภูเขาด้านหลัง เพียงแค่นี้เท่านั้น เขาไม่ได้บอกว่าเป็นคนของเรือนใด” ชุ่ยเอ๋อร์เช็ดน้ำตา เวลานี้นางรู้สึกเสียใจเหลือประมาณ ทั้งยังรู้สึกได้ว่ามีดวงตาคู่หนึ่งจับจ้องมาที่ตนจนกระทั่งตอนนี้ และพร้อมจะฆ่านางได้ทุกเวลา

อวิ๋นซูนั่งอยู่เช่นนั้น นิ้วชี้เคาะบนโต๊ะเบาๆ นางไม่มองไปบนพื้นที่ซึ่งสาวใช้กำลังร้องขออภัยอยู่ ราวกับกำลังพิจารณาว่าควรจะลงโทษคนที่ทรยศตนเช่นไรดี

อวี้เอ๋อร์ส่งสายตาให้ชุ่ยเอ๋อร์อย่างร้อนรน นางคลานเข้ามากอดขาของอวิ๋นซูโดยพลัน “คุณหนู ชุ่ยเอ๋อร์สาบานว่าวันหน้าจะไม่ขายคุณหนูอีกแล้ว ชุ่ยเอ๋อร์ผิดไปแล้ว ชุ่ยเอ๋อร์ไม่กล้าแล้วเจ้าค่ะ!”

หลังจากความเงียบงันขณะหนึ่งผ่านพ้นไป จึงเปิดปากกล่าวอย่างเรียบเฉย “เจ้าสาบาน?”

ใบหน้าของชุ่ยเอ๋อร์ปรากฏความยินดี “ชุ่ยเอ๋อร์สาบานเจ้าค่ะ! หากผิดคำพูด ขอให้ชุ่ยเอ๋อร์ถูกฟ้าผ่า ไม่ได้ตายดี!”

สีหน้าของอวิ๋นซูอ่อนลงเล็กน้อย ยื่นมือไปประคองนางลุกขึ้น “ดี ข้าจะเชื่อเจ้าสักครั้ง ไปเถิด”

“ขอบคุณคุณหนูเจ้าค่ะ ขอบคุณคุณหนู”

มองเงาร่างที่วิ่งออกไปราวรอดตายจากภัยพิบัติเช่นนั้น อวี้เอ๋อร์ก็ซาบซึ้งใจเหลือคณนา มีเพียงอวิ๋นซูที่ทราบดีว่าคนที่ทรยศนางได้ครั้งหนึ่ง ย่อมไม่อาจใช้งานได้อีกเป็นอันขาด

“คุณหนูเจ้าคะ พรุ่งนี้ฮูหยินผู้เฒ่าและเหล่าคุณหนูคุณชายจะกลับมาแล้วเจ้าค่ะ”

อวิ๋นซูเงยหน้ามองนาง อวี้เอ๋อร์กล่าวอธิบายว่า “เนื่องจากท่านโหวต้องการพาคุณหนูกลับมา ดังนั้นฮูหยินผู้เฒ่าจึงพาอนุภรรยาแต่ละเรือนและคุณหนูคุณชายทุกคนไปวัดเทียนฝูเพื่อขอพรให้คุณหนู และคุ้มครองจวนโหวให้เจริญรุ่งเรือง”

ขอพรแน่หรือ? กังวลว่าตัวโชคร้ายอย่างตนเองเข้าจวนมาแล้วจะส่งต่อความโชคร้ายให้พวกเขาเสียมากกว่า พูดจาสวยหรูว่าจะขอพรให้ตน แท้จริงแล้วก็แค่อยากจะหลบเลี่ยงตนเองเท่านั้น หากเป็นหลิ่วอวิ๋นซูที่เพิ่งออกมาจากหมู่บ้านชนบทคนนั้น คงจะซาบซึ้งในบุญคุณเป็นอย่างยิ่ง น่าเสียดายที่ตอนนี้กลายมาเป็นนางเสียแล้ว

“อวี้เอ๋อร์ พวกเรามีเงินมากหรือไม่?”

อวี้เอ๋อร์หยิบห่อผ้าห่อหนึ่งออกมาจากในตู้ใบหนึ่งที่ทั้งเก่าและผุพัง อวิ๋นซูมองเศษก้อนเงินก้อนหนึ่งที่วางโดดเดี่ยวอยู่ข้างใน แล้วจึงทอดถอนหายใจเบาๆ

ไม่ว่าจะกระทำเรื่องใดก็ตาม หากมีเงินน้อยย่อมยากที่จะประสบความสำเร็จ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น

หมอพิษชั่นหนึ่ง ตอนที่ 33 จับได้คาหนังคาเขา

  ยามเที่ยงวัน รถม้าหรูหราคันหนึ่งจอดอยู่หน้าประตูจวนโหว บุรุษผิวคล้ำคนหนึ่งลงจากรถม้าแล้ววิ่งเข้าไป เขาก้าวยาวๆ ไปตามระเบียง ตลอดทางข้ารั...