adsen

วันพุธที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2566

หมอพิษชั้นหนึ่ง ตอนที่ 4 การหายตัวไปของทั้งสอง

 ตอนที่ 4 การหายตัวไปของทั้งสอง

ดวงตาของอวิ๋นซูในยามนี้ทำให้อวี้เอ๋อร์ตกใจกลัว คุณหนูเป็นเช่นนี้ช่างแปลกเหลือเกิน “อวี้เอ๋อร์ทราบเพียงว่าจักรพรรดิเซียวแห่งแคว้นอวี้องอาจห้าวหาญเชี่ยวชาญการรบ ส่วนเซียวฮองเฮาสติปัญญาเฉียบแหลม มากด้วยกลอุบาย รัชทายาทของพวกเขาเพิ่งจะเข้าพิธีจับของเสี่ยงทาย [1] เมื่ออายุครบปี จัดงานยิ่งใหญ่ตระการตา ส่วนเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างแคว้นต่างๆ ในระยะนี้ซับซ้อน ดูเหมือนฝ่าบาทจะต้องการผูกสัมพันธ์กับแคว้นอี้”

เซียวฮองเฮา? รัชทายาท…

ทันใดนั้นอวิ๋นซูพลันลุกขึ้นยืน ไม่อยากจะเชื่อหูของตน นางตายไปแล้วมิใช่หรือ เหตุใดยังมีเซียวฮองเฮาอยู่อีกเล่า? หากอวิ๋นเม่ยได้ขึ้นเป็นฮองเฮาก็ควรจะต้องเปลี่ยนนามจึงจะถูก

“ตอนนี้เป็นปีฮว๋าอู่ที่เท่าไร?” เสียงของนางเจือไปด้วยความสั่นเทาที่ยากจะสังเกตเห็น

แปลกนัก เหตุใดคุณหนูจึงได้สนใจแคว้นอี้ถึงเพียงนี้? อวี้เอ๋อร์คิด “ปีนี้เป็นปีฮว๋าอู่ที่สามสิบสาม วสันตฤดูเจ้าคะ”

ผ่านไปหนึ่งปีแล้ว แต่รัชทายาทของแคว้นอี้เพิ่งจะเข้าพิธีครบปี หรือว่า…นั่นจะเป็นลูกของนาง?!

อวิ๋นซูเดินไปยังหน้าต่างอย่างเชื่องช้า ทอดสายตาไปยังเขตเรือนแปลกตาตรงหน้า สายลมอันหนาวเหน็บพัดพาเกล็ดหิมะมาสัมผัสผิวของนาง ทุกสิ่งราวเป็นเพียงภาพฝัน นางได้ยินชัดว่าอวิ๋นเม่ยต้องการผ่าท้องของตน หรือว่าเด็กจะยังมีชีวิตอยู่? แต่มันเป็นไปได้หรือ? เท่าที่นางรู้จักเซียวอี้เชินมา เขานั้นไร้ปรานี จะยอมปล่อยลูกของตนให้มีชีวิตรอดไปได้อย่างไร ทั้งยังมีอวิ๋นเม่ยอยู่ ไม่ใช่ว่านางก็ตั้งครรภ์หรอกหรือ?

“คุณหนู ท่านเป็นอะไรเจ้าคะ อย่าทำให้อวี้เอ๋อร์ตกใจสิเจ้าคะ!” อวี้เอ๋อร์ถูกสีหน้าอันตื่นตระหนกของอวิ๋นซูทำให้ตกใจจนทำอะไรไม่ถูก ทันใดนั้น มือเล็กๆ ที่บวมแดงจากการถูกอากาศเย็นกัดพลันยื่นมาจับอวี้เอ๋อร์ นางหันหน้ามา ดวงตาราวกับมหาสมุทรอันไร้ขอบเขต ลึกล้ำเหลือคณนา ลึกล้ำเสียจนทำให้ผู้คนมิอาจคาดเดาได้

“คุณหนู…”

“ไปนำอ่างน้ำอุ่นมาเถอะ”

อวี้เอ๋อร์รีบจัดเตรียมอ่างน้ำอุ่นในทันที อวิ๋นซูวางมือทั้งสองลงไปในน้ำอย่างระมัดระวัง ความเจ็บปวดแผ่ซ่านออกมา แต่นางกลับไม่ขมวดคิ้วแม้เพียงนิด

ความอดทนอดกลั้นเช่นนี้ทำให้อวี้เอ๋อร์ที่อยู่ข้างๆ ยิ่งรู้สึกสับสนในใจ คุณหนูตื่นมาครานี้ ช่างแตกต่างกับเมื่อก่อนโดยสิ้นเชิง ราวกับกลายเป็นอีกคนที่มีความเป็นผู้ใหญ่ซึ่งไม่สอดคล้องกับอายุ แต่ไม่ว่าคุณหนูจะเปลี่ยนไปอย่างไร นางก็จะติดตามอยู่ข้างกายคุณหนูอย่างซื่อสัตย์ตลอดไป เพียงแต่ชุ่ยเอ๋อร์…

“มีคนมา!”

อวิ๋นซูปิดหน้าต่างด้วยความระแวงจนเหลือเพียงช่องเล็กๆ

“ช่วย…อั่ก…” นอกซุ้มประตูโค้ง บ่าวรับใช้สองคนกำลังบีบปากสาวใช้คนหนึ่งอย่างแรง ดวงตาอันหวาดกลัวทั้งสองของสาวใช้ผู้นั้นมองตรงมา สายตาเจือแววร้องขออย่างสิ้นหวัง ดิ้นไม่หยุดราวกับนกที่ตกอยู่ในอันตราย เมื่อโดนยึดจับอย่างรุนแรงก็ไร้ซึ่งกำลังต่อต้านโดยสิ้นเชิง

“ชุ่ยเอ๋อร์?!” อวี้เอ๋อร์ตกตะลึง กำลังจะออกไปก็ถูกอวิ๋นซูหยุดไว้เสียก่อน เรื่องราวยังไม่แน่ชัดจะพาตนเองเข้าไปอยู่ในอันตรายได้อย่างไร “พวกเราตามไปดูกันเงียบๆ เถิด”

“เร็วเข้า เดินให้มันเร็วๆ หน่อย!”

บ่าวรับใช้สองคนนั้นใช้กำลังพาตัวชุ่ยเอ๋อร์ไปยังเขตเรือนที่ไร้ซึ่งผู้คน ภายในเขตเรือนมีบ่อน้ำอยู่บ่อหนึ่ง พวกเขากวาดตามองรอบๆ จนมั่นใจว่าไม่มีคนจึงเปิดฝาบ่อน้ำออก พยายามผลักสาวใช้คนนั้นลงไป

ทันใดนั้น บ่าวรับใช้หนึ่งในนั้นพลันเจ็บแปลบที่ต้นคอจนถึงกับคลายมือและหมดสติไป “ผู้ใดกัน?!” บ่าวรับใช้อีกคนหนึ่งตกใจ ถูกท่อนไม้หยาบๆ ท่อนหนึ่งทุบจนเลือดกำเดาไหลและล้มลงไปข้างๆ

“ฮือๆๆ…คุณหนู คุณหนู ล้วนเป็นความผิดของชุ่ยเอ๋อร์ คุณหนูได้โปรดช่วยชุ่ยเอ๋อย์ด้วยเถิดเจ้าค่ะ!” ชุ่ยเอ๋อร์เช็ดน้ำตาบนใบหน้า นางไม่ทราบว่าตนเองได้กระทำเรื่องโง่เขลาอะไรไปกันแน่ เหตุใดจึงมีคนต้องการฆ่านาง? จวนโหวแห่งนี้ช่างน่ากลัวเหลือเกิน!

นางกอดขาของอวิ๋นซูแน่น คุกเข่าลงกับพื้นพลางขอร้องอย่างขมขื่น “คุณหนู ช่วยชุ่ยเอ๋อร์ด้วยเถิด!”

“คุณชายบ้านรองอยู่ที่ใด?” อวิ๋นซูมองไปยังสาวใช้ที่รอดตายหวุดหวิดตรงปลายเท้า พอจะเดาเรื่องราวได้หลายส่วน หากคุณชายบ้านรองเกิดเรื่องขึ้นในเขตเรือนของตัวโชคร้ายอย่างตนเองจริงๆ เกรงว่าพวกนางทั้งสามคงจะมีจุดจบที่ไม่ดีนัก คนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้กังวลว่าชุ่ยเอ๋อร์จะพูดความจริงออกมาเพื่อเอาตัวรอด จึงวางแผนฆ่าคนปิดปาก จะได้กลายเป็นว่าชุ่ยเอ๋อร์ฆ่าตัวตายเพราะกลัวความผิด อย่างไรเสียคนตายก็มิอาจให้การได้ เช่นนั้นแล้วโทษที่ทำร้ายคุณชายบ้านรองจนตายก็คงตกอยู่ที่อวิ๋นซู

“คุณชายซี ยะ…อยู่ที่ภูเขาด้านหลังเจ้าค่ะ…”

“ภูเขาด้านหลัง?” อวี้เอ๋อร์ทอดถอนใจ ภูเขาด้านหลังกว้างใหญ่ออกขนาดนั้น ทั้งคุณชายซียังอายุน้อย จะไปทำสิ่งใดได้?

อวิ๋นซูสูดหายใจเข้าลึกๆ หนึ่งครั้ง สายตาของนางค่อยๆ เย็นยะเยือกลง “พาข้าไป”

“ฮูหยิน หาคุณหนูหกไม่พบแล้วเจ้าค่ะ!”

สีหน้าของเหลยซื่อพลันเปลี่ยนไป “ไม่พบแล้ว? ไม่พบแล้วหมายความว่าอย่างไร!”

คนกลุ่มใหญ่รีบร้อนมายังเขตเรือนของหลิ่วอวิ๋นซู ปรากฏว่าท่ามกลางกองหิมะมีเพียงรอยเท้าอันสะเปะสะปะ ไม่มีแม้แต่เงาของดรุณีนางนั้นเลย

“ฮูหยินเจ้าคะ คุณหนูหกไม่ได้ตายไปแล้วหรือ? เหตุใด เหตุใดถึง…” แม่นมข้างๆ พลันมองไปรอบๆ อย่างหวาดกลัว คุณหนูหกดวงแข็งเช่นนี้ คงไม่ใช่ว่าตายไปแล้วจะกลายเป็นอะไรบางอย่างแล้วจากนั้น…

“สงบไว้เสีย! อย่าได้เอะอะทำให้ตัวเองหวาดกลัว!” ก็แค่สตรีตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ช่างเป็นตัวซวยโดยแท้ ตายไปแล้วยังสร้างปัญหาให้จวนโหวอีก!

“ฮูหยินขอรับ! ฮูหยินบ้านรองอยู่หน้าประตูแล้วขอรับ!” ข้ารับใช้ผู้หนึ่งเข้ามารายงานอย่างเคร่งเครียด แต่ไม่ทันการเสียแล้ว สตรีนางหนึ่งในชุดที่ทำจากขนสุนัขจิ้งจอกสีขาวปลอดงดงาม นำข้ารับใช้กลุ่มหนึ่งเดินเข้ามาอย่างรีบร้อน

“พี่สะใภ้ ข้ามาโดยไม่ได้บอกกล่าว ขอพี่สะใภ้โปรดอย่าถือสา ได้ยินว่าเฉิงซีของพวกเรามาเล่นที่นี่ ข้ามาเพื่อพาเขากลับ” หลี่ซื่อ ฮูหยินของบ้านรองเป็นคุณหนูจากครอบครัวบัณฑิต พูดจาไพเราะมีมารยาท แม้ว่าจะกังวลใจแต่ยังคงรักษาความสงบนิ่งบนใบหน้าไว้ได้ ถึงกระนั้นตลอดทางที่มาสายตาล้วนมองหาบุตรชายสุดรักของนาง

แม้ว่าจวนของบ้านรองจะอยู่ติดกัน แต่ฮูหยินบ้านรองรักษาระยะห่างกับบ้านหลักอย่างจวนชางหรงโหวมาตลอด โดยเฉพาะบุตรชายคนเดียวของนางผู้นี้ ไม่ได้รับอนุญาตให้มาเล่นกับคุณหนูคุณชายในจวนโหวโดยเด็ดขาด ส่วนสาเหตุนั้นคนนอกมิอาจทราบ

เหลยซื่อลังเลไปชั่วครู่ก่อนจะฉีกยิ้มบนใบหน้า “น้องสะใภ้มาเยือนจวนโหวเป็นพิเศษ เป็นเพราะไม่วางใจข้าหรือ?”

“มิใช่มิวางใจเจ้าค่ะ เพียงแต่บุตรชายของข้าดื้อรั้นเหลือเกิน ข้าเพียงกลัวว่าเขาจะสร้างปัญหาให้จวนโหว”

บนใบหน้าของฮูหยินบ้านรองปรากฏรอยยิ้ม แต่กลับไม่ปกปิดแววตาอันเหินห่างเลยแม้แต่น้อย

“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ แม่นมหลิว เจ้าไปที่เรือนคุณหนูหกรับตัวคุณชายซีมาเถิด”

ดวงตาของแม่นมหลิวเปล่งประกาย เข้าใจความต้องการของเหลยซื่อได้อย่างรวดเร็ว นางหันกายเดินหายไปยังมุมหนึ่ง ผ่านไปไม่นานก็แว่วเสียงร้องดังออกมาจากบริเวณนั้น “คุณพระ นี่…นี่มันเกิดอะไรขึ้น?!”

ฮูหยินบ้านรองรู้สึกประหวั่นอยู่ในใจ รีบพาคนตามไปโดยพลัน ดวงตาของเหลยซื่อฉายแววล้ำลึก “น้องสะใภ้อย่าได้กังวลไป อาจเป็นเด็กๆ เล่นซนกันเท่านั้น…”

ทว่า เมื่อมาถึงเขตเรือนของคุณหนูหก สภาพเละเทะที่ปรากฏเต็มพื้นทำให้ผู้คนตกตะลึง ภายในลานมีรอยเท้าสะเปะสะปะ ทั้งยังมีอาภรณ์ของหลิ่วอวิ๋นซูอยู่บนพื้นชุดหนึ่ง ภาพเช่นนี้ทำให้ในใจของทุกคนกระวนกระวาย

ยามนี้เหลยซื่อรีบกล่าวเสียงขรึม “นี่มันเกิดเรื่องอะไรกัน? คุณหนูหกเล่า?!”

*******************

[1] พิธีจับของเสี่ยงทาย เป็นพิธีฉลองครบรอบที่มีลักษณะเฉพาะของจีน ประเพณีนี้ได้มีการจดบันทึกไว้ตั้งแต่สมัยฉีเหนือ ซึ่งในวันนี้ก่อนที่จะกินอาหารมื้อกลางวันก็จะมีการนำเอาสิ่งของต่างๆ มาวางไว้ เช่น คัมภีร์ พู่กัน หมึก จานฝนหมึก ลูกคิด เงิน สมุดบัญชี เครื่องประดับ ดอกไม้ ลิปสติก อาหาร ของเล่น เป็นต้น หลังจากนั้นผู้ใหญ่จะอุ้มเด็กมาแล้วให้นั่งลง พ่อแม่หรือใครก็ห้ามชี้นำหรือทำสัญลักษณ์ใดๆ จะปล่อยให้เด็กเลือกสิ่งของเอง ดูว่าเด็กจะเลือกสิ่งไหนก่อน สิ่งไหนหลัง เพื่อจะได้เป็นการทายว่าเด็กสนใจในสิ่งไหน โตขึ้นมาจะทำอาชีพอะไร



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น

หมอพิษชั่นหนึ่ง ตอนที่ 33 จับได้คาหนังคาเขา

  ยามเที่ยงวัน รถม้าหรูหราคันหนึ่งจอดอยู่หน้าประตูจวนโหว บุรุษผิวคล้ำคนหนึ่งลงจากรถม้าแล้ววิ่งเข้าไป เขาก้าวยาวๆ ไปตามระเบียง ตลอดทางข้ารั...