ตอนที่ 9 ทุกคนล้วนมีความคิดของตนเอง
หลิ่วอวิ๋นฮว๋าตกใจกรีดร้องออกมาจนมือสะบัด เข็มเงินเล่มนั้นจึงตกสู่พื้น ฮูหยินผู้เฒ่าพลันลุกขึ้นนั่ง นางมองไปยังสองแม่ลูกด้วยสายตาไม่พอใจ
“ฮูหยินผู้เฒ่า ท่านฟื้นแล้ว?” ท่านหมออู๋รีบเข้าไปพยุงนาง “รู้สึกไม่สบายตรงไหนหรือไม่ขอรับ”
ที่แท้เมื่อครู่ ฮูหยินผู้เฒ่าเพียงแค่สะดุ้งตื่นขึ้นมาในฉับพลันเท่านั้น มิใช่อาการกำเริบ แต่สิ่งที่น่าอัศจรรย์ก็คือตนเองถึงกับได้ยินบทสนทนาของพวกเขาเมื่อสักครู่อย่างชัดเจน
ยามนี้นางใช้สายตาพิจารณามองไปยังเหลยซื่อและหลิ่วอวิ๋นฮว๋า
“ท่านแม่ ท่านตื่นแล้วหรือเจ้าคะ ดีเหลือเกิน ข้ากับอวิ๋นฮว๋าเป็นห่วงท่านยิ่งนัก!” เหลยซื่อพยายามสงบความตึงเครียดในใจ ทั้งยังไม่กล้าคาดเดาความหมายจากสายตาเช่นนั้นของฮูหยินผู้เฒ่า
“เป็นห่วง? เป็นห่วงแล้วยังสามารถฝังเข็มมั่วซั่วบนร่างของหญิงชราอย่างข้าได้อีกหรือ?!”
“มะ…ไม่ใช่เจ้าค่ะ เป็นท่านหมออู๋ที่ให้อวิ๋นฮว๋าฝังเข็ม” หลิ่วอวิ๋นฮว๋าย่อมรู้ว่าท่านย่าของตนโมโหเข้าแล้ว จึงรีบโยนความผิดไปให้ท่านหมอ
“คุณหนูรองขอรับ ไม่ใช่ว่าท่านเป็นคนช่วยฮูหยินผู้เฒ่าหรอกหรือ?” ท่านหมอประหลาดใจยิ่งนัก
“ใช่ เป็นข้าที่ช่วยไว้ แต่ข้าฝังเข็มไม่เป็น!”
“ประหลาดนัก เห็นได้ชัดว่าอาการป่วยของฮูหยินผู้เฒ่าถูกควบคุมไว้ได้ด้วยวิธีฝังเข็ม คุณหนูรองฝังเข็มไม่เป็น แล้วจะช่วยคนอย่างไรขอรับ?”
พวกนางจะทราบได้อย่างไรว่าฮูหยินผู้เฒ่าถูกช่วยด้วยวิธีใด หลิ่วอวิ๋นฮว๋าในยามนี้ก้มหน้านิ่ง ไม่กล้าสบตากับท่านย่า
“นี่…ท่านแม่ เป็นอวิ๋นฮว๋าที่พบท่านล้มอยู่ที่พื้นเจ้าค่ะ”
เหลยซื่อรีบออกมาประนีประนอม ทว่าฮูหยินผู้เฒ่ากลับทำเพียงยิ้มอย่างเย็นชา ลูกสะใภ้ผู้นี้กับบุตรีของนาง ช่างทำให้ผิดหวังเหลือเกิน!
“ท่านหมออู๋อยู่ก่อน คนอื่นออกไปให้หมด”
หลิ่วอวิ๋นฮว๋าสบตากับมารดาของตน ไม่กล้าทำอะไรให้ฮูหยินผู้เฒ่าโมโหอีก จึงพาแม่นมจากไปอย่างกระอึกกระอัก
“ฮูหยินผู้เฒ่า จำได้หรือไม่ขอรับว่าเป็นผู้ใดที่ช่วยท่าน?”
ในหัวของนางปรากฏภาพรองเท้าปักเก่าๆ คู่หนึ่งขึ้นมา แล้วยังหยกประดับเส้นนั้นอีก
“ท่านหมอ โรคนี้ของข้า…มีทางรักษาหรือไม่?”
“เป็นข้าที่ไร้ความสามารถ ช่วยฮูหยินผู้เฒ่าดูแลร่างกายมานานเช่นนี้กลับมิอาจปรากฏผล แต่หมอชราเช่นข้าพบว่าชีพจรของท่านมีการเปลี่ยนแปลงที่ดี เชื่อว่าเป็นผลจากการฝังเข็มของบุคคลลึกลับที่ช่วยฮูหยินผู้เฒ่าไว้ หากให้ผู้สูงส่งท่านนั้นมารักษา อาจจะมีโอกาสขอรับ”
นางถอนใจเบาพลางคิดถึงคำกล่าวของซินแสตรวจดวงชะตาเมื่อหลายปีก่อน สายตาปรากฏแววสับสนอยู่หลายส่วน
วันต่อมา
ทุกคนมาคารวะฮูหยินผู้เฒ่าตามกฎ ขาดไปเพียงผู้เดียวเท่านั้น
“ท่านพี่มิได้บอกคุณหนูหกหรือเจ้าคะ ว่าต้องมาคารวะฮูหยินผู้เฒ่าทุกวัน?”
อนุรองกล่าวด้วยรอยยิ้มเย็นชา หลิ่วอวิ๋นซูไม่ได้มาคารวะคงไม่พ้นเป็นคำสั่งของเหลยซื่อ
“เหตุใดอนุรองจึงกล่าวเช่นนี้ ข้าคิดใคร่ครวญเพื่อท่านแม่ คุณหนูหกชะตาแข็งเกินไป จะให้นางมาพบท่านแม่ได้อย่างไร” เหลยซื่อไม่ยอมอ่อนข้อ น้ำเสียงราวกับต้องการบอกเป็นนัยว่าอนุรองมีความหมายอื่นแอบแฝง
“อวิ๋นหลี่ เจ้าต้องเรียนรู้จากคุณหนูรองไว้บ้าง โชคดีที่เมื่อวานคุณหนูรองไปตรวจสอบเรือนของฮูหยินผู้เฒ่าในยามดึก จึงพบความผิดปกติได้ทันกาล กตัญญูเช่นนี้ต้องขอบคุณฟ้าดินจริงๆ”
อนุรองใช้แขนเสื้อปิดรอยยิ้มที่มุมปากของตน ดวงตาของนางมิได้มืดบอด เมื่อคืนพวกนางที่อยู่ภายนอกล้วนได้ยินเสียงตำหนิของฮูหยินผู้เฒ่า อยากให้บุตรีของตนรับความดีความชอบ คงไม่คิดว่าจะคลำเจอตะปูเข้า ดูท่าทางของฮูหยินผู้เฒ่าในวันนี้ที่ไม่มองหลิ่วอวิ๋นฮว๋าแม้เพียงนิดก็ทราบแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น
“อวิ๋นหลี่ทราบแล้วเจ้าค่ะ อวิ๋นหลี่จะเรียนรู้จากพี่รองให้มาก จะกตัญญูต่อท่านย่า” หลิ่วอวิ๋นหลี่นั้นเกิดจากอนุรอง เป็นคุณหนูสี่แห่งจวนชางหรงโหว
เมื่อคำนี้ถูกกล่าวออกมา สีหน้าของหลิ่วอวิ๋นฮว๋าพลันไม่น่าดู นางทั้งกังวลทั้งหวาดกลัวพออยู่แล้ว คนเหล่านี้ยังโยนหินลงบ่อน้ำ [1] อีก ทว่าใบหน้ายังคงสงบเยือกเย็นราวกับไม่ได้ยินสิ่งใด
ฮูหยินผู้เฒ่ากระแทกถ้วยชาในมือลงกับโต๊ะจนเกิดเสียงดัง ทุกคนสะดุ้งเฮือก ได้ยินเสียงเรียบเฉยกล่าวขึ้น “ไปเรียกคุณหนูหกมา ส่วนพวกเจ้าก็กลับไปเสีย”
นี่มัน…หมายความว่าอย่างไร?! ฮูหยินผู้เฒ่าถึงกับต้องการพบตัวโชคร้ายนั่นเพียงลำพังหรือ?!
เหลยซื่อไม่กล้ากล่าวคำใดด้วยเกรงว่าจะทำให้ฮูหยินผู้เฒ่าไม่พอใจขึ้นมาอีก จึงรีบพาทุกคนออกไปจากห้องโถง ทว่าพวกนางยังคงปักหลักอยู่ในเขตเรือน ราวกับใส่ใจยิ่งนักว่าฮูหยินผู้เฒ่าต้องการพบหลิ่วอวิ๋นซูผู้นั้นเพราะเหตุใด มีเพียงเหลยซื่อที่ความรู้สึกไม่สงบในใจทบทวีมากขึ้น
เพียงไม่นาน ดรุณีน้อยท่าทางหัวอ่อนผู้หนึ่งย่างกรายเข้าไปในห้องโถงท่ามกลางสายตาจับจ้องของทุกคน แม่นมชราที่ได้รับสัญญาณจากฮูหยินผู้เฒ่าปิดประตูลงเบาๆ
“ท่านย่า”
เสียงอันอ่อนโยนนี้ ทำให้ความสับสนในใจของฮูหยินผู้เฒ่าจางหายไปหมดสิ้น
“เด็กน้อย มานี่เถิด” เป็นครั้งแรกที่นางยิ้มให้อวิ๋นซูอย่างเมตตาอ่อนโยน ดรุณีน้อยผู้นั้นเดินเข้ามาอย่างเชื่อฟังนอบน้อม ท่าทางสุขุมเยือกเย็น ไม่ยโสทั้งยังนุ่มนวลเช่นนี้ทำให้ฮูหยินผู้เฒ่าบังเกิดความชอบใจทีละน้อย
“เมื่อคืนลำบากเจ้าแล้ว” มืออันหยาบกร้านของนางกุมมืออวิ๋นซูพลางตบเบาๆ อย่างอ่อนโยน “เพียงแต่ เหตุใดเจ้าจึงไม่รั้งอยู่รอข้าฟื้นก่อน?”
อวิ๋นซูนึกถึงท่านย่าของตน น้ำตาของนางพลันไหลออกมาอย่างได้จังหวะยิ่ง “อวิ๋นซูกลัวว่า…จะทำให้ท่านย่าตกใจ”
ตกใจ? ฮูหยินผู้เฒ่าราวกับเข้าใจอะไรบางอย่าง ดูแล้วเด็กคนนี้มิได้โง่ นางทราบว่าจวนโหวไม่ได้ต้อนรับนางจริงๆ ในก้นบึ้งหัวใจของทุกคนในจวนแห่งนี้ล้วนต้องการขับไล่นาง
“วันหน้ามาอ่านคัมภีร์เป็นเพื่อนย่าให้มากเสียหน่อย ไม่ต้องไปสนใจคำซุบซิบนินทาพวกนั้น เจ้าเป็นเด็กรู้ความ ทั้งยังได้เรียนรู้ความสามารถเช่นนี้ เรื่องร้ายกลับกลายเป็นดี นี่ล้วนเป็นความโชคดีของเจ้า”
อวิ๋นซูเข้าใจความหมายของนางดี คงกังวลว่าตนจะคับแค้นใจที่จวนโหวส่งนางไปหมู่บ้านบนภูเขาตั้งแต่เล็ก เรื่องร้ายกลายเป็นดีนี้ หากนางไม่ได้เติบโตมากับท่านหมอในหมู่บ้านบนภูเขา จะเรียนรู้วิชาแพทย์ได้อย่างไร
ทว่าคำกล่าวนี้ทำให้อวิ๋นซูรับรู้ว่าฮูหยินผู้เฒ่าเริ่มยอมรับนางแล้ว การให้ตนมาที่เรือนนี้บ่อยๆ นอกจากจะทำให้คนในจวนโหวทราบว่าวันหน้าอย่าได้ปฏิบัติกับคุณหนูหกอย่างเลวร้ายแล้ว ยังเพื่อช่วยรักษานางอีกด้วย
“ดูเจ้าสิ อากาศยังไม่ทันอุ่นก็สวมชุดบางเช่นนี้เสียแล้ว” ฮูหยินผู้เฒ่าก้มลงมองรองเท้าปักลายเก่าๆ คู่นั้นของอวิ๋นซู ก่อนจะหันไปสั่งกับแม่นม “ไปนำผ้าพับที่นายท่านได้มาจากทางตะวันตกมาตัดชุดให้คุณหนูหกสักหลายๆ ชุด แล้วให้คนไปดูที่เรือนคุณหนูหก หากขาดสิ่งใดก็ส่งไปให้เสีย”
“เจ้าค่ะ ฮูหยินผู้เฒ่า” แม่นมเห็นว่าฮูหยินผู้เฒ่าไม่ลงโทษที่เมื่อคืนนางบกพร่องในหน้าที่ก็รู้สึกโชคดีนัก นี่ทำให้นางมิอาจคิดเป็นอื่นได้
“หากต้องการอะไรก็มาบอกย่า”
อวิ๋นซูมีท่าทีเชื่อฟังนอบน้อมตลอดเวลา ไม่พูดจามากความ ไม่กระทำเกินจำเป็น นี่เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ฮูหยินผู้เฒ่าตัดสินใจช่วยเหลือนาง
“สามารถปรนนิบัติท่านย่าได้ อวิ๋นซูก็ดีใจแล้วเจ้าค่ะ”
ฮูหยินผู้เฒ่ายิ้ม “เด็กดี ไปเถิด” เมื่อเห็นร่างแบบบางถูกพาออกไป อารมณ์ของฮูหยินผู้เฒ่าจึงค่อยๆ สงบลง นางทำเช่นนี้เพื่อให้ลูกสะใภ้ของนางทราบว่า จวนโหวแห่งนี้คำพูดของตนเป็นที่สุด ตนต้องการโปรดปรานหลานสาวคนนี้ หรืออยากทำสิ่งใด ล้วนไม่มีผู้ใดมาเปลี่ยนแปลงได้
********************
คำอธิบายเพิ่มเติม
[1] โยนหินลงบ่อน้ำ เป็นสุภาษิตจีน หมายถึง ไม่ช่วยแล้วยังซ้ำเติมอีก
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น